สธ. ประกาศ 27 พ.ย.วันสร้างสุขภาพกระตุ้นคนไทยออกกำลังกาย

กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--สธ. กระทรวงสาธารณสุขประกาศวิสัยทัศน์ "คนไทยแข็งแรง ประเทศแข็งแรง" โดยให้วันที่ 27 พ.ย.วันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุขเป็นวันสร้างสุขภาพแห่งชาติ เตรียมรณรงค์การออกกำลังกายทั้ง 4 ภาค เพื่อการตายจาก 3 โรคร้าย คือ โรคระบบไหลเวียนโลหิต โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2545 นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย น.พ.วัลลภ ไทยเหนือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารข้าราชการได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระสงฆ์ 100 รูป เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข และรมว.สธ.ได้เป็นประธานวางพานพุ่มถวายสัการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาท นเรนทร อธิบดีกรมสาธารณสุขคนแรกเมื่อ 84 ปีที่แล้ว นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวว่า วันที่ 27 พ.ย. ปีนี้นอกจากจะเป็นวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุขครบรอบ 84 ปีแล้ว ยังต้องถือว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการสาธารณสุขไทย เนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 27 พ.ย. ของทุกปี เป็น "วันสร้างสุขภาพแห่งชาติ" ด้วย ทั้งนี้เพราะในปัจจุบันปัญหาเรื่องโรคไม่ติดต่อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับการขาดการออกกำลังกาย ได้แก่ โรคระบบไหลเวียนโลหิต โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ของคนไทย ดังนั้นในปี 2546 นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะมุ่งเน้นในเรื่องของการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่ปลอดภัย มีคุณค่า เนื่องจากเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการสร้างสุขภาพและช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคจากพฤติกรรมสุขภาพดังกล่าวได้ นอกจากนี้รัฐบาลได้ประกาศนโยบายสร้างสุขภาพฉบับที่ 2 ดังนี้ 1. สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดตั้งชมรมสร้างสุขภาพ ด้วยการออกกำลังกายขึ้นอย่างน้อย 1 ชมรมต่อเขตพื้นที่ อบต.หรือเทศบาล 2. ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐจัดตั้งชมรมสร้างสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย 3. ส่งเสริมให้หน่วยงานภาคเอกชนจัดตั้งชมรมสร้างสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย 4. ให้หน่วยงานภาครัฐเปิดพื้นที่ให้ประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์เพื่อการออกกำลังกาย 5. ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนสนับสนุนให้บุคลากรได้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วันๆละ 30 นาที โดยจัดสถานที่พร้อมเจ้าหน้าที่และสิ่งอำนวยความสะดวก 6. ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดสิ่งแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการออกกำลังกาย อาทิ สวนธารณะ สวนสุขภาพ สนาม ลานกีฬา เป็นต้น 7. ส่งเสริมให้โรงเรียนจัดกิจกรรมการออกกำลังกายเสริมพิเศษนอกเหนือจากการเรียนการสอนในชั่วโมงพลศึกษา สุขศึกษา เพื่อปลูกฝังทัศนคติและนิสัยที่ดีในการออกกำลังกาย 8. ส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาระดับปริญญาจัดหลักสูตรเพิ่มเติมแก่นักศึกษาในเรื่องพลศึกษา และนันทนาการ จัดกิจกรรม สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการออกกำลังกาย 9. ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจัดฝึกอบรมผู้นำการออกกำลังกายและเล่นกีฬาให้พอเพียง และ 10. ดำเนินมาตรการทางการเงินและงบประมาณที่เอื้อต่อการออกกำลังกาย โดยให้ส่วนราชการที่มีงบประมาณมาสนับสนุนการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ นางสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า การจัดมหกรรมรวมพลังสร้างสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22-24 พ.ย.ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวในการสร้างสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย เลือกบริโภคอาหารที่มีคุณค่าและปลอดภัย สิ่งสำคัญต่อจากนี้คือจะต้องกระตุ้นให้ประชาชนปฏิบัติเป็นประจำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อให้ "คนไทยแข็งแรง ประเทศไทยแข็งแรง" โดยกระทรวงสาธารณสุขจะได้กำหนดจัดมหกรรมรวมพลังสร้างสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย ภาคเหนือในเดือนธันวาคม 2545 ภาคอีสานในเดือนมีนาคม 2546 และภาคใต้ในเดือนกรกฎาคม 2546 ต่อไป นอกจากนี้ยังได้วางเป้าหมายให้มีชมรมออกกำลังกายที่ศูนย์สุขภาพชุมชนรวมทั้งสิ้น 8,000 แห่งในปี 2548 ด้วย--จบ-- -ตม-

• ข่าวสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
• ข่าวกระทรวงสาธารณสุข
• ข่าวสุดารัตน์ เกยุรา
• ข่าววัลลภ ไทยเหนือ
• ข่าวประชา พรหมนอก