ความสำเร็จจากปีท่องเที่ยวไทยและการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ได้รับการยอมรับในเวทีการท่องเที่ยวโลก

กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--ททท. ททท. ร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการด้านการท่องเที่ยวของ WTO (World Tourism Organization) ณ ประเทศมองโกเลีย ระหว่างวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2545 ที่ผ่านมา โครงการ Visit Thailand Year 1987 และ Amazing Thailand Year 1998-1999 ได้ใช้เป็นกรณีศึกษาประเทศไทยในเวทีโลก พร้อมยกตัวอย่างความร่วมมือในท้องถิ่นโดยชุมชน ส่วนราชการ สถานศึกษาและธุรกิจท่องเที่ยวคำนึงเรื่องการตลาดควบคู่การพัฒนา เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายภราเดช พยัฆวิเชียร ที่ปรึกษา ระดับ 11 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้รับเชิญจากจากองค์การท่องเที่ยวโลก (WTO) เป็นวิทยากรและผู้ทรงคุณวุฒิ บรรยายและให้คำแนะนำการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวประเทศมองโกเลีย ในหัวข้อ “Public Private Partnership ” จัดโดย WTO, UNDP ของสหประชาชาติและรัฐบาลมองโกเลีย ณ กรุง Ulaanbaatar ประเทศมองโกเลีย ระหว่างวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2545 นายภราเดช พยัฆวิเชียร ได้นำเสนอ กรณีศึกษาของประเทศไทย ในด้านความร่วมมือ Public Private Partnership ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง Visit Thailand Year 1987 และ Amazing Thailand 1998-1999 ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นที่ยอมรับของตลาดทั่วโลกในเรื่องของการจัดการวางแผนงานดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องเน้นการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการดำเนินงาน 3 ด้านหลัก คือ การวางแผน การตลาด และการพัฒนา จึงจะส่งผลให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในเรื่องการท่องเที่ยว โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง ทั้งนี้ยังเป็นกรณีศึกษาที่หลายประเทศได้นำเอาเป็นแบบอย่างในการดำเนินงานการตลาดท่องเที่ยว อนึ่ง ประเทศมองโกเลียเองก็จะดำเนินงานโครงการนี้ในปี 2003 โดยใช้ชื่อโครงการ “Visit Mongolia 2003” ในโอกาสนี้ได้ยกตัวอย่างกรณีการจัดตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อย(โฟกัสกรุ๊ป) โดยรวมกลุ่มผู้ประกอบการร่วมประชุมต่อเนื่องและสอดคล้องกับตารางการวางแผนของภาครัฐ เพื่อให้เกิดผลทางปฏิบัติ ซึ่งในปีแรกจะใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจระหว่างกัน แต่ในปีต่อไปกลไกจะเดินไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังนำเสนอเรื่องการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามสถานการณ์ท่องเที่ยวและปรับแผนการดำเนินงานด้านการตลาด ตามกรณีเหตุการณ์เร่งด่วนที่เกิดขึ้น (Crisis Management Commitee ; CMC) ซึ่งจากการดำเนินงานความร่วมมือภายใต้ CMC ต่อกรณีวิกฤตการณ์ 9/11 ในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียที่ได้รับผลกระทบด้านการท่องเที่ยวน้อยที่สุด และสามารถรักษาอัตราการขยายตัวของนักท่องเที่ยวในปี 2001 ไว้ได้ในระดับดีคือมีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 5.78 % หรือมีจำนวนกว่า 10.13 ล้านคน อีกกรณีศึกษาที่นายภราเดชได้นำเสนอคือ ความร่วมมือระหว่างชุมชน ส่วนราชการ สถานศึกษาและธุรกิจการท่องเที่ยว อาทิ การจัดกิจกรรมแสงเสียงในอุทยานประวัติศาสตร์ การแก้ปัญหา การรองรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุ้มผาง โดยมีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการท้องถิ่น เจ้าหน้าที่อุทยาน ส่วนราชการ ชุมชน และ ททท. เพื่อกำหนดกติกา กำหนดขนาด ปริมาณรองรับ ของสถานที่ในแต่ละครั้ง และให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นจัดสรรโควต้ากันเอง ในขณะเดียวกันภาครัฐได้สนับสนุนในการจัดพื้นที่ท่องเที่ยวทางเลือก และส่งเสริมกิจกรรมรวมทั้งการผลิตสินค้าที่จะเพิ่มรายได้ที่จะกระจายตัวนักท่องเที่ยวไม่ให้กระจุกตัว ซึ่งจะเป็นผลให้ทุกฝ่ายยังคงมีรายได้ และเป็นการเพิ่มวันพักนักท่องเที่ยวอีกด้วย จากการสัมมนาในเวทีดังกล่าว ถือเป็นการพบปะหารือและเสนอความคิดเห็นอย่างเปิดกว้างและสร้างสรรค์ ซึ่งจะทำให้เกิดความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวต่อกันในอนาคต แหล่งข่าว กองประชาสัมพันธ์ ททท. โทรศัพท์ 0-2250-5500 ต่อ 1560/1562 โทรสาร 0-2250-5681 หรือดูได้ที่ : http://209.128.97.243/pr/detailnews.asp?id_repnews=725 ข่าวประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย http://www.tat.or.th/pr-- จบ-- -ศน-

ข่าวการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย+การท่องเที่ยวแห่งประเทศวันนี้

บางกอกแอร์เวย์ส เอาใจวัยเก๋า 60+ มอบดีลสุดคุ้ม 2 ต่อ บินสบายกับเส้นทางภายในประเทศ

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในโครงการ "Forever Young Holiday ยิ่งเที่ยว ยิ่ง Young" ชวนนักท่องเที่ยวกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษ เติมพลังบวกเพิ่มความสุข กับโปรโมชันพิเศษ! รับส่วนลด 2 ต่อ เมื่อซื้อบัตรโดยสารของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สในเส้นทางภายในประเทศ ทั้งแบบเที่ยวเดียวหรือไป-กลับ โดยต่อที่ 1 ลดทันที 10% และต่อที่ 2 รับส่วนลดเพิ่มอีก 100 บาท ผ่านทางเว็บไซต์ www.bangkokair.com