เอเจเอฟเปิดกองทุนใหม่ให้ความมั่นคงแก่ชีวิตหลังเกษียณ

กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--เอ็มดีเค คอนซัลแทนส์ (ประเทศไทย) เอเจเอฟ ผู้นำด้านการจัดการกองทุนรวมของไทย เปิดขายกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 2-13 กันยายนนี้ เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีแผนออมเงินระยะยาวเพื่อคุณภาพชีวิตในวัยเกษียณ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยาเจเอฟ จำกัด กล่าวว่า “เอเจเอฟตัดสินใจออกกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพเนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มลูกจ้าง พนักงานบริษัทและผู้ประกอบวิชาชีพอิสระต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเรามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ดีพอสมควรตลอดจนตระหนักถึงข้อดีและข้อจำกัดของการลงทุน รูปแบบนี้ด้วย ล่าสุดในงาน SET in the City มีผู้เข้าชมงานถึง 1,500 คนแสดงความสนใจที่จะลงทุนใน กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ นอกจากนี้ช่วงเวลานี้ยังถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการลงทุน เพราะในช่วงอีก 8-12 เดือนข้างหน้า อัตราดอกเบี้ยของธนาคารจะยังคงตัวอยู่ที่ระดับต่ำ ในขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังการยุติของกระแสข่าวลือแง่ลบที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ” เอเจเอฟแบ่งกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพเป็นสองรูปแบบตามนโยบายกองทุน และสอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคลดังนี้ (1) กองทุนเปิดอยุธยาพันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพที่เน้นความมั่นคงของการ ลงทุนในระยะปานกลาง โดยเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ มีความเสี่ยงต่ำ และ (2) กองทุนเปิดอยุธยาทวีทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่นที่สามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นทุนและตราสารหนี้ตามสภาวะของตลาดในแต่ละช่วงเวลา เน้นการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว มีความเสี่ยงระดับปานกลาง นายเรืองวิทย์กล่าวเสริมว่า “ผู้ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจะต้องเป็นผู้ที่มีวินัยและมีการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ มิฉะนั้นจะทำให้เสียสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ ของกองทุนประเภทนี้ได้ ทั้งนี้กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพอาจไม่เหมาะสมกับผู้ที่ไม่ต้องการลงทุนระยะยาว หรือผู้ที่มีรายได้ส่วนใหญ่เป็นรายได้ซึ่งกรมสรรพากรไม่อนุญาตให้นำมาลดหย่อนภาษี เช่น ผู้ที่มีรายได้จากค่าเช่าบ้าน หรือจากดอกเบี้ยเงินฝาก” นายเรืองวิทย์แนะนำปิดท้ายว่า “ผู้ลงทุนควรกระจายการลงทุนและพิจารณารูปแบบการลงทุนให้สอดคล้องกับตนเอง เช่น ถ้าผู้ลงทุนยังอยู่ในวัยทำงานและอายุยังไม่มากนัก ควรเน้นการลงทุนในกองทุนเปิดอยุธยาทวีทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนสูงจากการลงทุนระยะยาว ในทางตรงกันข้ามถ้าผู้ลงทุนอายุมากกว่า 50 ปี ควรเน้นลงทุนในกองทุนเปิดอยุธยาพันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่า พร้อมโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินกับธนาคาร” ผู้สนใจสามารถซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพดังกล่าวได้ที่เอเจเอฟหรือตัวแทนสนับสนุนการซื้อและรับขายคืนหน่วยลงทุนของเอเจเอฟ โดยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ในราคาพาร์ 10 บาท--จบ-- -ตม-

• ข่าวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
• ข่าวกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
• ข่าวเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์
• ข่าวหลักทรัพย์จัดการกองทุน
• ข่าวเอ็มดีเค คอนซัลแทนส์