ธนาคารกสิกรไทยคว้าตำแหน่งธนาคารแห่งปี 2545

กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--ธ.กสิกรไทย เผยผลการจัดอันดับธนาคารแห่งปี 2545 ธนาคารกสิกรไทย ครองแชมป์ ธนาคารแห่งปี ด้วยผลงานเลิศ ผลประกอบการเด่น และบริหารจัดการเยี่ยม แบงก์กรุงไทยก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นอันดับ 2 โชว์กำไรสูงลิ่ว ส่วนแบงก์กรุงเทพรั้งที่ 3 วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนกันยายน 2545 ที่กำลังวางแผงในขณะนี้ ประกาศผลการจัดอันดับธนาคารแห่งปี ประจำปี 2545 ปรากฏว่า ธนาคารกสิกรไทย สามารถคว้าตำแหน่ง ธนาคารแห่งปี 2545 ไปครอง ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทั้งทางด้านการบริหารจัดการ ประสิทธิภาพ และผลประกอบการ อันดับที่ 2 เป็นของ ธนาคารกรุงไทย ที่ก้าวกระโดดจากอันดับที่ 7 เมื่อปีที่แล้ว ด้วยผลกำไรที่สูงสุดในระบบธนาคาร กว่า 7,000 ล้านบาท เบียดธนาคารกรุงเทพ แชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้วซึ่งตกมาอยู่อันดับที่ 3 อันดับที่ 4 ธนาคารไทยธนาคาร ซึ่งก้าวขึ้นมาจากอันดับที่ 8 จากผลงานด้านประสิทธิภาพต่อพนักงาน , อันดับที่ 5 ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งตกจากอันดับที่ 2 เนื่องจากยังมีผลขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2544 อันดับที่ 6 คือ ธนาคารทหารไทย ส่วนอันดับที่ 7 ธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งไต่ขึ้นมาจากอันดับ 13 หลังจากการควบรวมกิจการกับธนาคารศรีนคร เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา, สำหรับอันดับที่ 8 ธนาคารเอเชีย และ อันดับที่ 9 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ผลงานแผ่วลงไปจากปีที่แล้ว เนื่องจากยังมีผลขาดทุนจากการตั้งสำรองหนี้สูญในช่วงที่ผ่านมา ส่วนอันดับ 10, 11 และ 12 เป็น ธนาคารลูกครึ่ง ได้แก่ ธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ , ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด นครธน และธนาคารยูโอบีรัตนสิน ผลการจัดอันดับสะท้อนได้ชัดว่า หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจเริ่มคลายปัญหาลง ประกอบกับธนาคารพาณิชย์มีแรงกดดันที่จะต้องเร่งหารายได้เข้าหล่อเลี้ยง ทำให้ธนาคารพาณิชย์กลับเข้ามาแข่งขันขยายธุรกิจตั้งแต่ช่วงปลายปี 2543 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์จากที่เคยขาดทุนเริ่มมีกำไรอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ของรัฐที่ได้รับการฟื้นฟูจากทางการจนหนุนให้ฐานะทางการเงินมีความแข็งแกร่ง ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์เอกชนเริ่มมีกำไรตั้งแต่ปลายปี 2543 และสามารถสร้างผลกำไรได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นธนาคาร 4 แห่ง คือ ธนาคารเอเชีย , ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารยูโอบีรัตนสิน ที่ยังมีผลขาดทุนในช่วงระยะเวลาที่มีการพิจารณาจัดอันดับ (ผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปี 2544 กับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2545) เนื่องจากธนาคารเหล่านี้ยังมีภาระที่ต้องตั้งสำรองหนี้สูญ ถึงแม้ว่า ธนาคารบางแห่ง คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด นครธน จะเริ่มมีกำไรในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ก็ตาม ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ที่ออกมานั้นได้ส่งผลโดยตรงกับการจัดอันดับธนาคารแห่งปี 2545 ที่ได้ให้น้ำหนักและความสำคัญไปที่ผลการดำเนินงานของธนาคารและประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ต่อพนักงาน ซึ่งเป็นผลพวงจากการมีระบบการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาจัดอันดับเช่นกัน ส่วนปัจจัยด้านการเติบโตนั้น ปีนี้ได้ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากนโยบายการขยายธุรกิจทำให้การแข่งขันด้านการตลาดเป็นไปอย่างเข้มข้นส่วนปัจจัยในเรื่องของภาพพจน์นั้นให้น้ำหนักรองลงมา--จบ-- -ศน-

• ข่าววารสารการเงินธนาคาร
• ข่าวการบริหารจัดการ
• ข่าวธนาคารกสิกรไทย
• ข่าวการเงินธนาคาร
• ข่าวธนาคารกสิกรไท