กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--เอ็มเอ็มซี สิทธิผล
ดร. วัชระ พรรณเชษฐ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอ็มเอ็มซี สิทธิผล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ ประเทศไทย ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิที่ผลิตในประเทศไทยว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2504 ที่บริษัทฯ เริ่มก่อตั้ง ช่วงแรกการดำเนินธุรกิจรถยนต์ในประเทศไทยยังไม่กว้างขวางมากนัก เอ็มเอ็มซี สิทธิผล จึงเพียงผลิตรถยนต์เพื่อทดแทนการนำเข้าโดยการจำหน่ายในประเทศเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2531 นับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมรถยนต์ไทย เอ็มเอ็มซี สิทธิผล สามารถส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมป์ ซึ่งประกอบในประเทศไทยไปจำหน่ายยังประเทศแคนาดา ถือเป็นก้าวสำคัญของยุคบุกเบิกอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย เพราะบริษัทฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการผลิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพซึ่งตั้งอยู่บนมาตรฐานที่ต่างชาติยอมรับ จากนั้นใน พ.ศ. 2532 จึงได้เริ่มส่งออกรถยนต์นั่งมิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมป์ ไปยังไซปรัส อินโดนีเซีย และประเทศในแถบอินโดจีน รวมถึงเริ่มส่งชิ้นส่วนซีเคดี รถกระบะมิตซูบิชิ แอล 200 ไปยังประเทศโปรตุเกส ต่อมาปี พ.ศ. 2533 ภายหลังจากการเปิดโรงงานผลิตรถบรรทุก ฟูโซ่ และแคนเตอร์ ได้ไม่นานก็ได้เริ่มส่งออกรถบรรทุกสิบล้อมิตซูบิชิ ฟูโซ่ ไปยังประเทศอินโดนีเซีย ส่งออกมิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมป์ ไปยังประเทศอิสราเอล ในช่วง พ.ศ. 2535 บริษัทฯ ก็เริ่มส่งออกกระบะมิตซูบิชิ แอล 200 ไซโคลนไปประเทศตุรกี และทวีปยุโรป
ฐานการผลิตรถกระบะมิตซูบิชิ แอล 200 สตราดา ส่งออกทั่วโลก
มาถึง พ.ศ. 2538 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เปลี่ยนโฉมกระบะมิตซูบิชิ แอล 200 ใหม่ พร้อมประกาศให้ บริษัทฯ เป็นฐานการผลิตรถกระบะมิตซูบิชิ แอล 200 สตราดา โฉมใหม่ เพื่อจำหน่ายในประเทศและเพื่อการส่งออกแต่เพียงผู้เดียว
เอ็มเอ็มซี สิทธิผล จึงเริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 4 ขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นฐานการผลิตรถกระบะมิตซูบิชิ แอล 200 ส่งออกทั่วโลก โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายไว้ว่าจะผลิตรถกระบะมิตซูบิชิ แอล 200 สตราดา ในแบบและรุ่นต่างๆ กว่า 100 รุ่น ส่งออกไปยัง 139 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของรถทั้งคัน หรือ ซีเคดี และชุดอะไหล่แท้ ซึ่งโรงงานแห่งนี้ มีความสามารถในการผลิตสูงสุดถึง 200,000 คันต่อปี และใช้เงินลงทุนและเงินหมุนเวียนถึง 50,000 ล้านบาท
กระบะมิตซูบิชิ ฝีมือคนไทย รุกตลาดโลก
เมื่อโรงงานแห่งที่ 4 สร้างเสร็จใน พ.ศ. 2539 บริษัทฯ จึงเริ่มการส่งออกกระบะมิตซูบิชิ แอล 200 สตราดา โฉมใหม่ ไปยังประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศแรก ตามมาด้วยกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ละตินอเมริกา แอฟริกา และยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์เรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ให้ผลิตและส่งออกรถกระบะ มิตซูบิชิ สปอร์ตตี้ 4WD กลับไปจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่น ถือได้ว่า บริษัทฯ ได้พัฒนาธุรกิจส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ จนกลายเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบแห่งหนึ่งของโลก
โดยใน พ.ศ. 2539 บริษัทฯ ส่งออกรถมิตซูบิชิ แอล 200 สตราดา ได้ถึง 12,564 คัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,700 ล้านบาท และใน พ.ศ. 2540 บริษัทฯ ได้ส่งออกรถยนต์สูงถึง 40,072 คัน คิดเป็นมูลค่า 15,000 ล้านบาท เป็นรถกระบะมิตซูบิชิ แอล 200 สตราดา 12,564 คัน และในปี พ.ศ. 2540 มิตซูบิชิได้ส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 40,070 คัน โดยเมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2539 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 218 % เป็นกระบะมิตซูบิชิ 40,069 คัน โดยกลุ่มประเทศที่ส่งออกได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แอฟริกา กลุ่มประเทศเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และกลุ่มทวีปยุโรป และในปี พ.ศ. 2541 บริษัทฯ ได้เริ่มส่งออกรถมิตซูบิชิ แลนเซอร์ โฉมใหม่ ไปยังประเทศนิวซีแลนด์ และในขณะเดียวกันก็ยังมีการเพิ่มยอดส่งออกรถกระบะมิตซูบิชิอีกถึง 47% และในปีนี้ พ.ศ. 2545 (ถึงเดือนมิถุนายน) บริษัทฯได้ส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิไปกว่า 392,308 คัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 152,607.37 ล้านบาท
เอ็มเอ็มซี สิทธิผล ผู้นำการส่งออกรถยนต์
ตลอดระยะเวลา 14 ปี ที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี พ.ศ 2531 - 2545 (1988-2002) บริษัท เอ็มเอ็มซี สิทธิผล จำกัด รถยนต์มิตซูบิชิได้ผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ เพื่อการส่งออกหลากหลายประเภท รวมทั้งสิ้นกว่า 130 รุ่น ทั้งรถยนต์นั่งมิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมป์, มิตซูบิชิ แลนเซอร์, มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเดีย, กระบะมิตซูบิชิ แอล 200 ไซโคลน, กระบะมิตซูบิชิ แอล 200 สตราดา และรถบรรทุกสิบล้อมิตซูบิชิ ฟูโซ่ โดยส่งออกไปยังประเทศต่างๆในทุกทวีปทั่วโลกแล้ว ถือได้ว่าบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจส่งออกรถยนต์ได้ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด และในปีนี้ พ.ศ. 2545 เอ็มเอ็มซี สิทธิผล จะส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิครบ 400,000 คัน
ประเทศที่ส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1. ประเทศโปรตุเกส จำนวน 31,787 คัน
2. ประเทศอิตาลี จำนวน 28,146 คัน
3. ประเทศเยอรมัน จำนวน 24,847 คัน
4. ประเทศสเปน จำนวน 23,407 คัน
5. ประเทศอังกฤษ จำนวน 16,205 คัน
ประเภทรถยนต์มิตซูบิชิที่ส่งออกมากที่สุด นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
1. มิตซูบิชิ แอล 200 สตราดา จำนวน 319,044 คัน
2. มิตซูบิชิ แอล 200 โซโคลน จำนวน 35,651 คัน
3. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมป์ จำนวน 22,621 คัน
(หมายเหตุ จำนวนรถยนต์ส่งออกตั้งแต่ พ.ศ. 2531 - มิถุนายน 2545)--จบ--
-ศน-