บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพฯ เริ่มซื้อขาย 4 เมษายน พร้อมประเดิมจ่ายปันผล 4.54 บาทต่อหุ้น

กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ BAFS เริ่มซื้อขาย 4 เมษายนนี้ พร้อมประกาศผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนมีสิทธิรับเงินปันผล 4.54 บาทต่อหุ้น ย้ำผู้ที่ต้องการเงินปันผลต้องซื้อภายในวันที่ 5 เมษายนนี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จะเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 4 เมษายนนี้เป็นวันแรกในกลุ่มพลังงานและใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า BAFS BAFS มีทุนจดทะเบียนจำนวน 340 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 34 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท บริษัทได้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเมื่อวันที่ 22-26 มีนาคม 2545 ในราคาหุ้นละ 60 บาท ทั้งนี้หุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายจำนวน 9 ล้านหุ้นในครั้งนี้ จะมีสิทธิในการรับเงินปันผลอัตราหุ้นละ 4.54 บาท สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ปี 2544 ด้วย โดยบริษัทฯจะปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 12 เมษายน 2545 ทั้งนี้จะเสนอขอความเห็นชอบต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 เมษายน 2545 นี้ นอกจากนี้บริษัทจะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (PAR) จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นของบริษัทอีกด้วย "BAFS นับเป็นหุ้นตัวแรกที่สร้างประวัติการณ์จ่ายเงินปันผลเร็วที่สุดนับจากวันเริ่มซื้อขาย สำหรับการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งนี้ BAFS จะปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 12 เมษายน ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์จะประกาศ XD หรือ Excluding Dividend ล่วงหน้า 3 วันทำการ ซึ่งหมายถึงผู้ที่ซื้อในช่วงที่ BAFS ขึ้นเครื่องหมาย XD จะไม่ได้รับเงินปันผล ดังนั้น ผู้ที่ต้องการได้รับเงินปันผลที่บริษัทประกาศจ่ายในครั้งนี้ จะต้องซื้อก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XD หรือก่อนวันที่ 9 เมษายน 2545 เท่านั้น จึงจะได้รับเงินปันผลที่ประกาศจ่ายในครั้งนี้" นายกิตติรัตน์กล่าว บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2526 ด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท โดยคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินการตามความเห็นและมติสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่จะจัดตั้งโครงการเติมน้ำมันอากาศยาน และเป็นบริษัทเดียวที่ได้รับสิทธิจากรัฐบาลไทยในการดำเนินธุรกิจจัดเก็บและให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแก่อากาศยานทุกประเภทและทุกเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานดอนเมืองอย่างครบวงจร นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2542 บริษัทฯยังได้ให้บริการเติมน้ำมันให้แก่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ ณ สนามบินภูมิภาค ได้แก่ สนามบินสมุยและสนามบินสุโขทัยด้วย ในปี 2541-2544 บริษัทมีรายได้จากการเติมน้ำมันที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ เท่ากับ 758 692 775 และ 882 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 60-70% และมีกำไรสุทธิในปี 2541-2543 เท่ากับ 61, 215, และ 212 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับปี 2544 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 76 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทตั้งสำรองค่าใช้จ่ายภาระค้ำประกันบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อจำนวน 415 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการดังกล่าวแล้วบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 339 ล้านบาท บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองตามกฎหมาย และสำรองอื่นๆ ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประกอบด้วย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 22.59 บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด ร้อยละ 7.76 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 7.06 ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทซึ่งถือหุ้นสามัญจำนวนรวมกัน 11,999,100 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 35.29 ของทุนชำระแล้ว (340 ล้านบาท) ให้คำรับรองต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า จะไม่นำหุ้นจำนวนดังกล่าวออกจำหน่ายเป็นระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันที่หุ้นของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯซึ่งถือหุ้นอยู่จำนวน 24 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 70.6 ของทุนชำระแล้ว มีความประสงค์ที่จะนำหุ้นทั้งหมดของตนเข้า Silent Period เป็นเวลา 1 ปีด้วย ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229-2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-229-2037 / จิวัสสา ติปยานนท์ โทร.0-2229-2039--จบ-- -อน-

• ข่าวบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ
• ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
• ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ
• ข่าวเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ
• ข่าวบริการเชื้อเพลิง