สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต เผยอุปสรรคการแข่งขันอุตสาหกรรมของไทย

กรุงเทพฯ--3 พ.ย.--สศช. นายสันติ บางอ้อ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการปรับโครงสร้างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (กปพ.) ที่มีนายศุภชัย พานิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ว่า สศช. ได้รายงานผลการศึกษาโครงสร้างต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมหลัก ๗ สาขา ประกอบด้วย อุตสาหกรรมอาหาร อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้า สิ่งทอและเครื่องนิ่งห่ม ยานยนต์ พลา- สติก ยางและผลิตภัณฑ์ยาง และอุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้า ทั้งนี้ ผลจากการศึกษาพบว่าด้านการส่งออกอุตสาหกรรมหลักของไทยสามารถแข่งขันได้โดยอยู่ในอันดับที่ ๑๐ ของโลก ด้านโครงสร้างต้นทุนการผลิตพบว่าบริษัทไทยมีผลกำไรต่ำกว่าประเทศอื่น เนื่องจากผลิตภัณฑ์มีคุณภาพต่ำ สัดส่วนต้นทุน วัตถุดิบ และค่าสาธารณูปโภคสูงกว่าประเทศคู่แข่งขัน มีกำลังการผลิตสำรองต่ำ ต้นทุนการเงินสูง โดยสรุปปัญหาของอุตสาหกรรมไทย คือ ประสิทธิภาพแรงงานต่ำ การใช้วัตถุดิบสิ้นเปลือง ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสูง ขาดการควบคุมคุณภาพการผลิต อย่างไรก็ตาม เห็นว่าไทยต้องปรับปรุงมูลค่าเพิ่มต่อพนักงานอย่างน้อย ๓ เท่า และผลผลิตต่อพนักงานอย่างน้อย ๕ เท่า ของผลการศึกษาในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถพัฒนาได้ทัดเทียมกับประเทศคู่แข่งขันหลักภายใน ๓-๕ ปี เพิ่มสัดส่วนของแรงงานมีฝีมือ ในขณะเดียวกันควรยกระดับความสามารถของราชการในการสนับสนุนอุตสาหกรรม เพิ่มทุนจดทะ เบียนและเงินทุนของบริษัท เพื่อลดต้นทุนและมีกำไรสะสมสูงขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้นำแผนการปรับโครงสร้างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบรรจุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๙ ด้วย รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินงานที่ กปพ.อนุมัติโครงการไป ซึ่งยังมีปัญหาไม่สามารถหาเงินมาดำเนินโครงการที่ได้อนุมัติไป เช่น โครงการนำร่อง ๓ โครงการของกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโน โลยีและสิ่งแวดล้อม คือ ๑. โครงการสนับสนุนพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาห กรรมไทย ๒. โครงการเทคโนโลยีชีวภาพ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงกุ้ง ๓. โครงการพัฒนาสร้างอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมและเครือข่าย วงเงินรวม ๑,๐๐๐ ล้านบาท--จบ-- -สส-

ข่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์+อุตสาหกรรมเครื่องหนังวันนี้

"พิชัย" เคาะ 7 มาตรการ 25 แผนงาน จัดการผลไม้ ปี 2568 ดันเป้าหมาย 950,000 ตัน ให้ราคาผลไม้ไทยดีทั้งปี

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับภาครัฐและเอกชน ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ ถึงแผนบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ให้เตรียมมาตรการรองรับปัญหาผลผลิต พร้อมส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศและขยายตลาดส่งออก นายพิชัย ระบุว่า ปีนี้เราคาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทุเรียน ลำไย และมะม่วง จึงต้องเตรียมการล่วงหน้าเพื่อให้เกษตรกรขายได้ราคาดีที่สุด โดยกระทรวงพาณิชย์เดินหน้าจัดทำ 7 มาตรการ 25 แผนงาน

"พิชัย" สุดไว รับนโยบายเติมเงินหมื่นกลุ่ม... "พิชัย" ลุยโครงการ "ชูใจ วัยเก๋า" ลดสินค้ากว้า 20,000 รายการ รับนโยบายเติมเงินหมื่นผู้สูงอายุ — "พิชัย" สุดไว รับนโยบายเติมเงินหมื่นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีข...

นายณธกฤษ เอี่ยมสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริห... แพลททินัม ฟรุ๊ต คว้ารางวัลผู้ส่งออกยอดเยี่ยม จากเวที Prime Minister's Export Award 2024 — นายณธกฤษ เอี่ยมสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลททินัม ฟรุ...

บริษัท คิงส์สเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King's S... King's Stella Group คว้ารางวัลเกียรติยศ ผลักดัน Soft Power ไทย สู่เวทีโลก — บริษัท คิงส์สเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King's Stella Group Co.,Ltd. หรือ KSG) นำโดยค...