กรุงเทพ--29 เม.ย--พีแอนด์จี ประเทศไทย
บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (หรือพีแอนด์จี ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ แถลงถึงการ-ตัดสินใจลงทุน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,700 ล้านบาท) ในประเทศไทย เพื่อตั้งฐานผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ประทินโฉมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล อาทิ แชมพู ครีมนวดผม ครีมและโลชั่นถนอมผิว โดยจะรวมเข้ากับโรงงานผลิตในปัจจุบันของพีแอนด์จี ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 60 ไร่ของนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ทั้งนี้ ฐานการผลิตดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้มูลค่าส่งออกสินค้าจากพีแอนด์จีในประเทศไทยมียอดสูงกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2550 นอกจากนี้ พีแอนด์จียังมีแผนจะพัฒนาให้สำนักงานในกรุงเทพฯ เป็นศูนย์บริหารงานหลักประจำภูมิภาค รับผิดชอบกิจการในอาเซียน ออสเตรเลเชีย และอินเดียทั้งหมด
ในการแถลงข่าวที่จัดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มร. จอห์น อี. เปปเปอร์ ประธานกรรมการพีแอนด์จี เวิลด์ไวด์ กล่าว (ผ่านทางเทปวิดีทัศน์) ถึงโครงการการลงทุน ดังกล่าวว่า “แม้ว่าจะมีวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นในเอเชีย แต่ความเชื่อมั่นของพีแอนด์จีต่ออนาคตของประเทศไทยนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง” มร. เปปเปอร์ กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลไทยที่เปิดกว้างด้านเศรษฐกิจเสรี รวมถึงคุณภาพของบุคลากรของพีแอนด์จี ประเทศไทย เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พีแอนด์จีตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นหนึ่งในสามฐานการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ประทินโฉมที่ใหญ่ที่สุดของพีแอนด์จี
ในคำแถลงดังกล่าว มร. เปปเปอร์ ได้กล่าวชื่นชมต่อบทบาทสำคัญของคณะกรรมการส่งเสริมการ-ลงทุน หรือ บีโอไอ ภายใต้การนำของเลขาธิการคนปัจจุบัน คือ นายสถาพร กวิตานนท์ ที่อำนวยให้พีแอนด์จีตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นที่ตั้งโรงงานระดับโลกในครั้งนี้นายสถาพร กวิตานนท์ เลขาธิการบีโอไอ เปิดเผยว่า บีโอไอตัดสินใจให้การสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์ประเภทปรุงแต่งประทินผิว เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการส่งออกสูง โดยตนคาดว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวจากประเทศไทยจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 10 เท่าตัวภายในระยะเวลาเจ็ดปี
สำหรับในด้านแผนการลงทุนของพีแอนด์จีนั้น นายสถาพร กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ฐาน-ผลิตและส่งออกแห่งใหม่ของพีแอนด์จีจะมีส่วนในการสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถเปิดตลาดใหม่ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทสิ่งปรุงแต่งประทินร่างกาย ด้วยการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานสูงสุดระดับโลก ทั้งในด้านความสะอาดในขบวนการผลิตและคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไปยังตลาดที่เข้มงวดด้านคุณภาพสินค้า
มร. ระวิ ชาตูเวอดี กรรมการผู้จัดการ พีแอนด์จี ประเทศไทย กล่าวว่า โครงการนี้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่จะให้การสนับสนุนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการนำเข้าเงินลงทุนก้อนใหม่ เพิ่มมูลค่าการส่งออก และจ้างงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนาศักยภาพของบุคลากร มร. ชาตูเวอดี กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ของบริษัท คาดว่าผลของการลงทุนในโครงการนี้ มีแนว-โน้มที่จะยังให้เกิดการจ้างงานใหม่อีกกว่า 2,000 อัตรา “เมื่อพิจารณาถึงขนาดของโครงการนี้แล้ว คาดว่าจะเอื้อให้เกิดการขยายตัว และอาจรวมถึงการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยของผู้ผลิตวัตถุดิบรายใหญ่ๆ หรือซัพพลายเออร์ของเรา ซึ่งนอกจากจะยังผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาอีกคาดว่าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7,600 ล้านบาท) ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ การผลิตบรรจุภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์”
มร. เวด ดี. มิควอลอน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของพีแอนด์จี ประเทศไทย กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ภาษีของโครงการใหม่นี้ คาดว่าภายในระยะเวลาแปดปีรายได้รวมที่รัฐบาลจะได้จากภาษีการขาย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคลของพีแอนด์จี ประเทศไทย และบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบต่างๆ เพื่อป้อนให้แก่พีแอนด์จีนั้นอาจมีจำนวนสูงถึง 622 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว
นอกจากนี้ มร. มิควอลอน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ภายในเวลาสามปี พีแอนด์จี ประเทศไทยวางเป้า-หมายที่จะเพิ่มยอดขายต่อปีของสินค้าส่งออกขึ้นเป็นสี่เท่า หรือ เป็นกว่า 12,000 ล้านบาท” และ ได้กล่าวชื่นชมในการสนับสนุนของบีโอไอ ซึ่งได้ช่วยเปิดโอกาสให้พีแอนด์จี ประเทศไทยสามารถจะก้าวขึ้นมาอยู่ในกลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตสินค้าเครื่องปรุงแต่งประทินร่างกาย และสามารถจะเป็นผู้ผลิตที่มีศักยภาพในการแข่งขัน ไม่เพียงแต่เฉพาะตลาดในเอเชีย แต่รวมถึงตลาดทุกแห่งในโลก
พีแอนด์จี ประเทศไทย มียอดขายในปีบัญชีซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2541 รวมทั้งสิ้น 7,700 ล้านบาท
ในระดับโลก พีแอนด์จีเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าในประเทศต่างๆ กว่า 140 ประเทศทั่วโลกสินค้าที่ผลิตและจำหน่ายประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์จากเยื่อกระดาษ ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม โดยในรอบปีบัญชีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2541 พีแอนด์จีมียอดขายทั่วโลกรวม ทั้งสิ้น 37,154 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,411,852 ล้านบาท) พีแอนด์จีมีกิจการอยู่ในประเทศต่างๆ กว่า 70 ประเทศทั่วโลก มีพนักงานทั้งสิ้นกว่า 110,000 คน และเป็นหนึ่งใน 30 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ: ฮัสซัน บาซาร์ หรือ ชัชฎาภา วิจิตรานนท์บริษัท บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์ จำกัดโทรศัพท์ 652 1946-7 ต่อ 104 หรือ 111 --จบ--