กรุงเทพ--18 ก.ย.-บมจ.ธนาคารนครหลวงไทย
ผู้จัดการใหญ่แบงก์ชฎาย้ำจุดแข็ง มีฐานเงินกองทุนมั่นคงแข็งแกร่งหลังทางการเพิ่มทุน 31,400 ล้านบาท รวมทั้งมีเงินฝากไหลเข้าต่อเนื่องจนสามารถชำระคืนเงินกู้ยืมกองทุนฟื้นฟูฯได้หมดสิ้น และยังมีเงินเหลือไปลงทุนพันธบัตรเป็นการสำรองสภาพคล่อง ถ่ายทอดนโยบายหลักแก่พนักงาน เสริมสร้างขวัญกำลังใจเตรียมลุยต่อ
เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา นายสมโภชน์ อินทรานุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ได้มีหนังสือเวียนถึงพนักงานทุกระดับ ชี้แจงสถานภาพของธนาคารในปัจจุบันว่า หลังจากทางการได้ดำเนินการเพิ่มทุนโดยการแปลงเงินกู้ยืมกองทุนฟื้นฟูฯ ทำให้ธนาคารมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระรวมทั้งสิ้น 31,420.62 มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 13 มั่นคงเพียงพอสำหรับรองรับการตั้งสำรองจนถึงปี 2543 และพร้อมสำหรับการเดินหน้าประกอบธุรกิจต่อไปอย่างมีคุณภาพ ประกอบกับในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ธนาคารมีเงินฝากเพิ่มถึง 40,000 ล้านบาท จึงสามารถจ่ายคืนเงินกู้ยืมกองทุนฟื้นฟูฯ ส่วนที่เหลือจากการแปลงหนี้ฯ จำนวน 26,000 ล้านบาทได้จนหมด อีกทั้งมีสภาพคล่องเหลือพอที่จะนำเงินไปลงทุนหารายได้ อาทิ การลงทุนในพันธบัตร ซึ่งเร็ว ๆ นี้ ธนาคารก็ชนะประมูลพันธบัตรขององค์การรถไฟฟ้ามหานคร วงเงิน 1,000 ล้านบาท และล่าสุดธนาคารสามารถประมูลพันธบัตรของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้อีก 500 ล้านบาท
นายสมโภชน์ฯ ได้ถ่ายทอดนโยบายหลักในการดำเนินธุรกิจช่วงปลายปี 41 ถึงปี 2542 แก่พนักงานว่า "ขณะนี้ธนาคารได้ผ่านพ้นจุดวิกฤตต่ำสุดมาได้แล้ว ด้วยควมพร้อมด้านกองทุนและสภาพคล่อง ขอให้พนักงานร่วมมือร่วมใจกันพัฒนานำพาธนาคารให้ก้าวหน้าต่อไป และสำหรับการดำเนินงานนั้น ธนาคารจะระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่องโดยมุ่งที่ลูกค้ารายย่อยและรายกลางเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เร่งแก้ไขสินเชื่อที่มีปัญหาตามเกณฑ์การประนอมหนี้ของทางการ และดูแลสนับสนุนลูกค้าที่ดีให้สามารถประคับประคองกิจการผ่านพ้นสภาวะเศรษฐกิจถดถอยต่อไปได้ รวมทั้งมุ่งหารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในรูปค่าธรรมเนียมเข้ามาเสริมให้มากยิ่งขึ้น"
ในส่วนนโยบายของทางการ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ที่จะสรรหาผู้ร่วมทุนให้ธนาคาร ซึ่งการหาผู้ร่วมทุน ธปท.ได้คัดเลือกบริษัท มอร์แกน สแตนลีย์ มาเป็นที่ปรึกษานั้น นายสมโภชน์ฯ กล่าวว่า ธนาคารพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และผู้ร่วมทุนอาจเป็นสถาบันการเงินในประเทศได้เช่นเดียวกับสถาบันการเงินจากต่างประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของธนาคารให้สอดคล้องกับแนวโน้มการแข่งขันระหว่างสถาบันการเงินที่จะเข้มข้นขึ้นในอนาคต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ศูนย์นิเทศสัมพันธ์ โทร.208-5491-96--จบ--