ไทยโอเลฟินส์ เผยผลประกอบการไตรมาสแรก กำไร 3,318.6 ล้านบาท

19 May 1998

กรุงเทพ--19 พ.ค.--บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด

นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ รองผู้จัดการใหญ่บริหาร บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2541 (ม.ค.-มี.ค.) มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 3,313 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2540 ร้อยละ 26 และมีผลกำไรสุทธิ 3,318.6 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากการดำเนินงาน 59.4 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้น 3,259.2 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ แข็งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม ปี 2540 นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ชำระหนี้เงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยเงินกู้ของปี 2541 ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ แล้ว จำนวน 42 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทางด้านการดำเนินงานของโรงงานโอเลฟินส์ในไตรมาสแรกของปีนี้ สามารถเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพมีการผลิตมากกว่า 90% ของกำลังผลิต ซึ่งทำให้ได้ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์รวม 133,800 ตัน แบ่งเป็นปริมาณเอทิลีน 86,500 ตัน และปริมาณโพรพิลีน 47,300 ตัน ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ดังกล่าวได้จัดส่งแก่ลูกค้าในประเทศคือ กลุ่มโรงงานปิโตรเคมีขั้นต่อเนื่องจำนวน 125,000 ตัน และส่งออกไปในตลาดภูมิภาคเอเชีย จำนวน 8,800 ตัน เนื่องจากปริมาณความต้องการในประเทศลดลงอันเป็นผลต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจผันผวน

ทางด้านการจัดหาวัตถุดิบนั้น ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการใช้วัตถุดิบในประเทศเต็ม 100% จากเดิมที่มีการนำเข้าบางส่วน แต่ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ บริษัทฯ ได้รับผลิตภัรพ์แนฟธาจากโรงกลั่นในประเทศมาเป็นวัตถุดิบ และมีเป้าหมายจะใช้วัตถุดิบจากแหล่งในประเทศเป็นหลักต่อไป

สำหรับแผนงานสำคัญๆ ของบริษัทฯ ในรอบปี 2541-2542 จะมีการดำเนินงานที่สำคัญคือ

1. การปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องอันเป็นผลกระทบจากภาวะตกต่ำของราคาโอเลฟินส์ในตลาดโลก เนื่องจาก แนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะอยู่ในช่วงขาลงต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้คาดการณ์ว่า ราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ในปี 2542-2543 จะตกต่ำลงอีกบริษัทฯ จึงต้องเตรียมพร้อมเพื่อเผชิญกับการขาดสภาพคล่องเพราะมีภาระที่จะต้องชำระคืนเงินกู้อีกปีละกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบกับต้องเตรียมหาเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรอรับการขยายกำลังการผลิต โดยบริษัทฯ จะดำเนินการจัดหาเงินกู้ประมาณ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ มีระยะเวลาเบิกจ่ายประมาณ 3 ปี ซึ่งคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนเงินกู้ดังกล่าวจากกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้เดิม

2. การปรับปรุงประสิทธิภาพหน่วยผลิต และการขยายกำลังการผลิตอีก 25% บริษัทฯ มีกำหนดหยุดดำเนินเครื่องโรงงานเพื่อการซ่อมบำรุง (Turnaround) ในเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2542 เป็นระยะเวลา 45 วัน ซึ่งนอกจากการซ่อมบำรุงตามวาระแล้ว ยังจะมีการปรับปรุงหน่วยผลิตบางหน่วยในมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับการขยายกำลังผลิตของโรงงานตามแผนเพิ่มอีก 25% นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบัน ซึ่งมีผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ของตลาดทั่วดลกลดต่ำลงนั้นบริษัทฯ จึงตัดสินใจชะลอโครงการขยายกำลังการผลิตจากเดิมที่จะแล้วเสร็จในปี 2542 เป็นแล้วเสร็จปลายปี 2543

อนึ่งโครงการขยายกำลังการผลิตอีก 25% นี้ เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถลดต้นทุนการผลิตผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ลงได้ประมาณตันละ 60 เหรียญสหรัฐ

3. การพัฒนาศักยภาพ และความพร้อมแก่พนักงาน เพื่อให้เหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ และรองรับแผนงานในอนาคตของบริษัทฯ โดยเฉพาะจะเน้นการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอันเป็นนโยบายต่อเนื่องจากการที่บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบบริหารคุณภาพและการจัดการสิ่งแวดล้อมจนได้รับมาตรฐานสากลคือ ISO 9000 และ ISO 14000 แล้ว ทั้งยังสอดคล้องกับการประกาศใช้มาตรฐาน มอก. 18000 ของกระทรวงอุตสาหกรรมอีกด้วย

4. การปรับปรุงโครงสร้างองค์กร (Reorganzation) เป็นการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยใช้พนักงานของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพ--จบ--