กรุงเทพ--14 ส.ค.--สจร.
สจร.เสนอยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเร่งด่วนเพื่อรองรับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพและการบริการของระบบขนส่งสาธารณะโดยหวังให้ผู้ที่ใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลหันมาใช้บริการมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มมาตรการไม่ส่งเสริมการใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคล หากผู้ที่ใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลร่วมมือจะช่วยลดปริมาณรถในถนน และเพิ่มความเร็วรถได้มากกว่า 10%
พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เปิดเผยในการสัมมนาเรื่อง "การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะระยะเร่งด่วนเพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจ" ณ ห้องประชุมอาคารสหประชาชาติ ว่าทางสำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก หรือสจร.ได้เสนอยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเร่งด่วนให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจเนื่องจากปัญหาจราจรรวม 3 แนวทาง
"รายละเอียดของแนวทางที่เสนอประกอบด้วย การเร่งปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อทดแทนการใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคล การปรับปรุงระบบเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะประเภทต่าง ๆ ให้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ และการเพิ่มมาตรการไม่ส่งเสริมการใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลหากดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวได้สามารถเพิ่มความเร็วรถยนต์โดยเฉลี่ยได้มากกว่า 10% จากในปัจจุบันคือ 14.3 กม./ชม. แต่ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือความเร็วเฉลี่ยจะลดเหลือ 10.9 กม./ชม.เท่านั้น" เลขาธิการคจร. กล่าว
พ.ต.ต.ยงยุทธ ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงระบบการขนส่งสาธารณะที่ต้องเร่งดำเนินการว่า สจร.มีแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพและการบริการของระบบรถโดยสารประจำทาง ระบบขนส่งทางน้ำ ระบบรถไฟชานเมือง ระบบรถตู้มวลชน และระบบขนส่งสาธารณะเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น รวมถึงการปรับปรุงระบบเชื่อมต่อให้มีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีแนวทางที่จะปรับปรุงระบบถนน ถนนโครงข่าย และการจัดระบบการจราจรให้เอื้อประโยชน์ต่อการให้บริการของรถโดยสารประจำทางที่มีอยู่ในปัจจุบัน
"สำหรับการปรับปรุงระบบเชื่อมต่อนั้น จะทำให้การเดินทางระหว่างระบบขนส่งสาธารณะเชื่อต่อกันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และสามารถลดเวลาในการเดินทางได้โดยมี 4 รูปแบบคือ การเชื่อมต่อระหว่างรถโดยสารประจำทางกับการขนส่งทางน้ำ การเชื่อมต่อระหว่างรถโดยสารประจำทางกับรถไฟชานเมือง การเชื่อมต่อระหว่างรถโดยสารประจำทางกับรถตู้ชานเมือง และการเชื่อมต่อระหว่างรถโดยสารประจำทางกับรถโดยสารประจำทาง โดยคาดว่าการปรับปรุงระบบเชื่อมต่อดังกล่าวจะทำให้การเดินทางเชื่อมต่อกันมีความสะดวกยิ่งขึ้น และยังสามารถลดเวลาในการเดินทางลงได้อีกมาก" พ.ต.ต.ยงยุทธ กล่าวเสริม
สำหรับมาตรการไม่ส่งเสริมการใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลนั้น เลขาธิการคจร. กล่าวเพิ่มเติมว่าสจร. จะมีการกำหนดพื้นที่ห้ามหยุดรถ หรือห้ามจอดให้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครได้มากขึ้น และจะทำให้การกวดขันจับกุมผู้กระทำผิดกฎจราจรอย่างต่อเนื่องและจริงจัง นอกจานี้ยังทำการปรับปรุงอัตราค่าจอดยานพาหนะบนถนนต่าง ๆ ในเขตที่มีการจอดรถยนต์เป็นจำนวนมากให้มีอัตราสูงขึ้น รวมถึงการจัดระบบการจราจรในเขตพื้นที่ชั้นในให้มีสภาพจราจรเลื่อนไหลได้ดีขึ้น และมาตรการล่าสุดที่จะดำเนินการเมื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนแล้วเนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน คือ การควบคุมปริมาณรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่จะเข้าไปในพื้นที่ที่มีการจราจรติดขัดหรือมีการก่อสร้างบนผิดจราจร
"ยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ที่สจร. นำเสนอจะเป็นทางออกที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดในการแก้ไขปัญหาจราจรในระยะเร่งด่วนก่อนที่การก่อสร้างโครงการขนส่งสาธารณะขนาดใหญ่จะแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามแนวทางต่าง ๆ ที่นำเสนอนั้นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการดำเนินการ เพราะแม้ว่าโครงการขนส่งสาธารณะขนาดใหญ่จะก่อสร้างเสร็จ แต่ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจราจรที่เป็นมาอย่างต่อเนื่องได้อย่างแน่นอน" เลขาธิการคจร. กล่าวทิ้งท้าย--จบ--