เบทส์เชื่อมั่นธุรกิจเอเจนซี่ยังไปได้ ลูกค้าต้องใช้โฆษณาแม้เศรษฐกิจไม่ดี

กรุงเทพ--16 ต.ค.--เบทส์ อุตสาหกรรมโฆษณาไทยยังไปได้ ลูกค้าต้องใช้โฆษณาแม้เศรษฐกิจไม่ดี ชี้การบริการที่มีคุณภาพมากกว่าจะเป็นจุดดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่ใช้งบไม่มากจะเข้าหาเอเจนซี่ขนาดกลางมากขึ้น เพราะจะได้บริการที่ดีและใกล้ชิดกว่า เบทส์ย้ำนโยบายพัฒนาคนต่อเนื่อง เน้นให้ช่วยเหลือลูกค้าด้านการตลาดยอมรับมีผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจบ้างเพราะลูกค้าบางรายใช้เงินน้อยลง แต่ดีที่ฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นต่างประเทศและเป็นลูกค้าเวิลด์ไวต์ เตรียมย้ายออฟฟิศใหม่ขึ้นตึกวันแปซิฟิคเพลส พฤศจิกายนนี้ นายพาที สารสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบทส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาวะทางเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจ รวมถึงธุรกิจตัวแทนโฆษณาหรือเอเจนซี่ด้วยนั้นทำให้ภาพของธุรกิจเอเจนซี่โดยรวมที่เคยเฟื่องฟูดูซบเซาลงไป ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรงด้วยนโยบายที่ต่าง ๆ กันไปตามที่เป็นข่าว นับเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งจุดนี้เอง ทำให้ลูกค้าเกิดความสับสนพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะแย่เพียงใด การโฆษณาก็ยังคงมีความจำเป็นอยู่แม้อาจจะมีการตัดทอนงบประมาณลงบ้างก็ตาม โดยเรื่องการตัดทอนงบลงนี้ ทำให้เอเจนซี่ขนาดกลางได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น ทั้งนี้เพราะการใช้งบประมาณที่ไม่มากจะมีผลกับการเลือกใช้บริการของเอเจนซี่ โดยลูกค้าจะมีอำนาจต่อรองมากกว่าเมื่อใช้บริการเอเจนซี่ขนาดกลางหรือเล็ก อันหมายถึงการได้รับบริการที่ดีกว่า และเมื่อยิ่งผนวกกับสถานการณ์ด้านการซื้อสื่อในปัจจุบันที่เอเจนซี่ขนาดกลางจะสามารถต่อรองกับเจ้าของสื่อ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ฉบับใหญ่ ๆ ได้ไม่แพ้เอเจนซี่ใหญ่ จึงทำให้เอเจนซี่ขนาดกลางทวีบทบาทสำคัญมากขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจแบบนี้ ทำให้ทุกเอเจนซี่ต้องปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นใหญ่ กลาง หรือเล็กมากน้อยต่างกันไปตามขนาดขององค์กร องค์กรที่มีจำนวนบุคลากรมาก มีต้นทุนด้านบุคลากรสูง จะทำให้มีแรงกดดันที่ต้องหารายได้มาครอบคลุมค่าใช้จ่ายให้ได้ ส่วนเอเจนซี่ขนาดกลางและเล็กนั้นน่าจะควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายกว่า เพราะค่าจ้างบุคลากรต่อคนแล้วจะต่ำกว่า ประกอบกับจำนวนพนักงานที่ไม่มาก ทำให้ง่ายต่อการควบคุมค่าใช้จ่ายและการขอความร่วมมือจากพนักงานในการช่วยกันพัฒนาองค์กรในสถานการณ์อย่างนี้ รวมถึงความยืดหยุ่นในการปรับโครงสร้างการทำงานขององค์กรเพื่อให้ตอบรับความต้องการของลูกค้า และยิ่งถ้าเป็นเอเจนซี่ขนาดกลางที่มีฐานสนับสนุนดี เป็นบริษัทสาขาหรือร่วมลงทุนจากต่างชาติอย่างเช่นของเบทส์ ก็จะช่วยทำให้สามารถรับมือสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ได้ง่ายกว่า "สำหรับเบทส์ซึ่งเป็นเวิลด์ไวด์เอเจนซี่ และเป็นเอเจนซี่ขนาดกลางของไทยแล้ว ผมมั่นใจว่าเบทส์จะได้เปรียบจากสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเราไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากเราเป็นเอเจนซี่ขนาดกลางจึงได้ทุ่มเทเรื่องการพัฒนาบุคลากรของเรามาโดยตลอด รวมถึงพัฒนาระบบการทำงานให้มีความคล่องตัว สร้างสรรค์ มีประสิทธิภาพและใกล้ชิดกับลูกค้า โดยผู้บริหารของเราช่วยกำกับดูแลลูกค้าทุกรายด้วยตนเอง นอกเหนือไปจากทีมบริการลูกค้าที่มีอยู่ตามปกติ สถานการณ์เช่นนี้ ก็ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบจากลูกค้าที่ใช้งบน้อยลงบ้าง แต่โชคดีที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติและลูกค้าเวิลด์ไวด์ เราจึงได้บิลลิ่งเพิ่มจากลูกค้าเหล่านี้ไปโดยปริยายเพราะตกลงเรื่องงบกันไว้เป็นดอลลาร์ และบริษัทแม่ก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือได้ง่ายเพราะเราไม่ได้ใหญ่จนเกินกำลังของเขา จากปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้เราสามารถผ่านสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้ไปได้อย่างแน่นอน อีกทั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ เรายังจะย้ายออฟฟิศไปยังตึกวันแปซิฟิคเพลส เพื่อรองรับกับธุรกิจในอนาคต" นายพาที กล่าว บริษัท เบทส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่งในเครือข่ายของเบทส์ เน็ตเวอร์ค เวิลด์ไวด์ ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณาที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก มียอดงบประมาณที่ลูกค้าใช้จ่ายผ่านเครือข่ายของเบทส์ในปีที่ผ่านมากว่า 150,000 ล้านบาท จาก 185 สาขา ใน 55 ประเทศทั่วโลก ลูกค้าที่สำคัญ ๆ ของเบทส์ในประเทศไทยได้แก่ ไฮเนเก้น, โอเมก้า, การท่องเที่ยวฮ่องกง, หมากฝรั่งเดนทีน, เทเลคอมเอเชีย, บัตรเครดิตกรุงศรีวีซ่า, ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ฯลฯ ในปีที่ผ่านมา เบทส์เอเชีย ได้รับรางวัลเอเจนซี่แห่งปี 1996, ชิ้นงานโฆษณายอดเยี่ยม และผู้ให้บริการลูกค้ายอดเยี่ยม ซึ่งเป็นรางวัลที่จัดโดยนิตยสารมีเดียของฮ่องกง ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ สาวิตร สาประเสริฐ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 259-6730--จบ--

• ข่าวนายพาที สารสิน
• ข่าวพาที สารสิน
• ข่าวต่างประเทศ
• ข่าวอุตสาหกรรม
• ข่าวเอเจนซี่