แบงก์เยอรมัน KfW มองเศรษฐกิจไทยสวนกระแส Moody's และ S&P

กรุงเทพ--18 เม.ย.--KfW สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาและฟื้นฟูแห่งเยอรมัน หรือ KREDITANSTALT FUR WIEDERAUFBAU (KfW) เป็นสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการยอมรับจากทั่ว โลกแห่งหนึ่งของเยอรมัน ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศไทยว่า ยังเติบโต อีกไกล สวนกระแสการลดเครดิตของ Moody's และ S&P Mr. HANS W.REICH MEMBER BOARD OF MANAGEMENT ของ KfW แห่ง เยอรมันในฐานะผู้ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่อุตสาหกรรมต่าง ๆ ของประเทศไทย โดยล่าสุดปล่อยเงินกู้จำนวนกว่า 20,000 ล้านบาท ให้กับบริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้า ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TSSI ได้ให้ความเห็นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทย ซึ่งกำลัง ซบเซาอยู่ขณะนี้ว่าการที่สถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของ Moody's และ S&P ลด อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศและสถาบันการเงินไทยที่ผ่านมา เป็นการวิเคราะห์ เศรษฐกิจไทยในภาวะปัจจุบันเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นการวิจารณ์สภาพเศรษฐกิจไทยใน ระยะสั้น ในขณะที่มุมมองของนายธนาคารจะมองภาพรวมในระยะยาว เพราะการที่สถาบัน การเงินต่างประเทศจะให้การสนับสนุนปล่อยเงินกู้ให้แก่ภาคเศรษฐกิจไทย จะต้องวิเคราะห์ จากปัจจัยพื้นฐานของประเทศ ตลอดจนความแข็งแกร่งของประเทศในทุก ๆ ด้าน Mr. HANS W.REICH กล่าวต่ออีกว่า ในความเป็นจริงแล้วรากฐานของ ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความมั่นคงและแข็งแรงในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านการลงทุน การ ผลิตและการบริโภคปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่มีส่วนทำให้เศรษฐกิจของ ประเทศเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ และจะยังคงเติบโตอีกต่อไปในอนาคต และการที่ประเทศ ไทยมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ถือว่าดีอยู่ และศักยภาพ หากเปรียบกับประเทศ เยอรมันซึ่งถ้ามีอัตราการเติบโตถึง 3% ก็เป็นที่น่าพอใจแล้ว ส่วนภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ซบเซาหากเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ก็ใช่ว่าจะ ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวตกต่ำตามไปด้วย ปัญหาหลักที่เกิดขึ้นใน ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นภาคตลาดทุน หรือด้านอสังหาริมทรัพย์ เกิดขึ้นมาเพราะการเก็งกำไร ซึ่งทำให้ราคาไม่สมเหตุสมผลกับความเป็นจริง สำหรับปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคง ซบเซาอยู่ขณะนี้ก็เช่นกัน สถาบันการเงินต่างประเทศมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการปรับ โครงสร้างองค์กรให้เข้มแข็งมากกว่า ถ้าหากราคาสูงเกินไปก็ต้องปรับลงมา ซึ่งเป็นการ ปรับฐานเพื่ออนาคตจะได้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบย่อมเป็นพวกนักเก็งกำไรอย่างแน่ นอน แต่สำหรับผู้ประกอบการแล้วจะได้รับประโยชน์ในระยะยาวกับการปรับตัวเพื่อความอยู่ รอดต่อไปในอนาคต Mr.HANS W.REICH กล่าวอย่างมั่นใจว่า ในฐานะที่เป็นธนาคารชาวต่างชาติ การลดอันดับความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจของประเทศ หรือของสถาบันการเงินต่าง ๆ ไม่ ทำให้เขาเกิดความกังวลใจ หรือความลังเลใจที่จะเข้ามาให้การสนับสนุนภาคเศรษฐกิจ ไทยแม้แต่น้อย แต่ในทางตรงข้ามเขากลับมองว่า ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีศักยภาพ ในการเจริญเติบโตของภาคธุรกิจได้อีกยาวไกล และสำหรับภาคธุรกิจที่ KfW ให้การ สนับสนุนไปนั้นล้วนแต่เป็นโครงการที่ได้พิจารณาแล้วว่ามีอนาคต สามารถทดแทนและส่งออก สินค้าให้แก่เพื่อนบ้านบริเวณเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย นอกจากนี้ Mr. HANS ยังได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของสถาบัน การเงินไทยเกี่ยวกับการควบกิจการว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งที่สถาบันการเงินไทยตื่นตัวที่จะทำ การควบกิจการกัน ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินต่าง ๆ เหล่านั้นแข็งแกร่งขึ้น และสามารถ ยืนหยัดทำธุรกิจต่อไปได้อีกในระยะยาว แต่ต้องไม่ให้ภาคธุรกิจอื่นหรือกิจการอื่น ๆ รอบ ข้างเสียประโยชน์ หรือทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ เลวร้ายลงไปอีก แต่ในทางกลับกันสำหรับบริษัทเล็ก ๆ ที่มีปัญหาอยู่แล้ว และมารวมตัวกัน ก็คง ไม่เป็นผลดีเท่าไรนัก เพราะคงไม่ช่วยให้กิจการดีขึ้น Mr. HANS ให้ความเห็นต่อว่า การจะทำนายว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเมื่อ ไหร่นั้นคงเป็นไปลำบาก แต่มองว่ารัฐบาลไทยได้พยายามแก้ไขและลงมือทำไปบ้างแล้ว และคิดว่าคงจะเห็นผลในระยะอันใกล้นี้ พร้อมกันนี้ยังได้ทิ้งท้ายว่า KfW มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพพอ และคงไม่ หยุดยั้งที่จะให้การสนับสนุนการปล่อยเงินกู้ให้กับโครงการอื่น ๆ ที่มีอนาคตดีต่อไป--จบ--

ข่าวสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนา+สถาบันการเงินเพื่อวันนี้

MTC จับมือ DEG ยกระดับนโยบายคุ้มครองลูกค้าสู่มาตรฐานสากล ผ่านการประเมินจาก MicroFinanza Rating

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) (ที่ 3 จากซ้าย) Thomas Hoehl, Manager Technical Assistance (DEG Impulse) (ที่ 3 จากขวา) Tanwi Kumari Regional Sustainable Finance Manager-South & South East Asia (MFR) (ที่ 2 จากขวา) Chab Vannak, Analyst (MFR) (ที่ 1 จากขวา) ถ่ายภาพร่วมกัน เนื่องในโอกาสที่ MTC จับมือกับสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาจากเยอรมนี (DeutscheInvestitions -und Entwicklungsgesellschaft : DEG) เดินหน้าพัฒนานโยบายคุ้มครองลูกค้า

"เอนวิชัน เอนเนอร์ยี่" จัดหากังหันลมให้โครงการพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียกลางที่ประเทศอุซเบกิสถาน

เอนวิชัน เอนเนอร์ยี่ (Envision Energy) บริษัทพลังงานหมุนเวียนชั้นนำระดับโลก มีความภาคภูมิใจในการประกาศว่า บริษัทฯ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้จัดหากังหันลมให้กับโครงการพลังงานลมแบช (Bash) และซาน...

กองทุนโอเปกเปิดตัวหุ้นกู้ SDG ภูมิใจระดมทุนได้ 1 พันล้านดอลลาร์ หวังเป็นทุนส่งเสริมการพัฒนา

ห้ามเผยแพร่ ตีพิมพ์ หรือแจกจ่าย ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสหรัฐอเมริกา ซึ่งการทำเช่นนั้นจะผิดกฎหมาย เอกสารเผยแพร่นี้ไม่ถือเป็นหรือเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอหรือการชักชวนใด ๆ เพื่อซื้อหรือจองซื้อหลักทรัพย์ใด ๆ ...

กองทุนโอเปกฉลองครบรอบ 45 ปีแห่งการขับเคลื่อนการพัฒนา ขณะที่ประเทศสมาชิกเดินหน้าสร้างคุณูปการอย่างต่อเนื่อง

กองทุนโอเปกเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (OPEC Fund for International Development) ฉลองครบรอบ 45 ปีในวันนี้ โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมา สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาหลายด้านแห่งนี้ได้มอบ...

Risen คว้าเงินลงทุนจาก DEG

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท Risen Energy ประสบความสำเร็จในการระดมทุนสำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 73MWp ในกัมพูชา โดย Risen Energy ได้ลงนามในสัญญากู้ยืมเงินระยะยาว 45 ล้านดอลลาร์จาก DEG และ ICCF (Interact Climate Change Facility บริษัทมหาชนจำกัดของสำนักงานเพื่อการพัฒนา...

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธ... ภาพข่าว: EXIM BANK ร่วมประชุมกลุ่มความร่วมมือธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าระดับโลก — นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า...

อเมริกัน แคปิตอล เอ็นเนอร์จี แอนด์ อินฟราสตรักเจอร์ เผยโครงการโรงไฟฟ้าอะซูรา-เอโด ได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก OPIC

อเมริกัน แคปิตอล เอ็นเนอร์จี แอนด์ อินฟราสตรักเจอร์ (American Capital Energy & Infrastructure: ACEI) เปิดเผยว่า บรรษัทการลงทุนเอกชนในต่างประเทศ (Overseas Private...