กรุงเทพ--16 มิ.ย.--กศน.
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้องประชุมกรมการศึกษานอกโรงเรียน นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมราชการกรมการศึกษานอกโรงเรียน เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ โดยมี ดร.กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา และคณะผู้บริหาร ได้สรุปรายงานโครงการสำคัญๆ ให้ทราบถึง 4 เรื่อง ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้มอบหมายไว้ เมื่อมีการตรวจเยี่ยมครั้งก่อน ได้แก่ การพัฒนาการเรียนการสอนการศึกษานอกโรงเรียนสายสามัญแนวใหม่ การขยายการจัดการศึกษานอกโรงเรียนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ความร่วมมือในการจัดสอนวิชาอาชีพ (การเสริมการสอนในโรงเรียน) และการปรับปรุงรายการวิทยุกระจายเสียงและรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา
รมช.สุรพร ได้ให้ข้อคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวว่า ด้านการพัฒนาหลักสูตรแนวใหม่ ขอให้เตรียม วางรูปแบบการใช้ระเบียบสะสม ให้สอดรับกับแนวทางการเอ็นทรานซ์รูปแบบใหม่ปี'42 เน้นนักศึกษา ม. ปลาย ที่เลือกเรียนแผนการศึกษาต่อให้มีความเข้มข้นทั้งในด้านวิชาการ ไม่ว่าจะเป็น แผน ก. เพื่อการศึกษาต่อ แผน ข. เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือ แผน ค. เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพด้านการจัดการศึกษาระดับ ปวช. ต้องการเน้นการเปิดสอนสาขาที่เป็นความต้องการของท้องถิ่นให้มากที่สุด โดยให้มีการวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มคนในแต่ละพื้นที่ก่อน เพื่อเสริมให้เกิดสมรรถภาพของสังคม ให้ผู้เรียนมีความรู้สึกรักพื้นที่ต้องการทำงานในชุมชนของตน ให้เป็นไปตามกระแสและทิศทางการเติบโตของภูมิภาคนั้นๆ สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ เรื่องของการออกแบบ โดยเฉพาะสิ่งทอ เพียงแค่ตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นเช่นอดีตไม่ได้แล้ว ต้องจัดหลักสูตรฝึกฝนคนให้เป็นมืออาชีพ ให้เข้าสู่ตลาดที่มีชื่อ ไม่ใช้ตลาดโนเนมอีกต่อไป รวมทั้งต้องมีการวิจัยตลาด และพฤติกรรมของผู้บริโภคควบคู่กันไปด้วย ด้านความร่วมมือสอนเสริมวิชาชีพในโรงเรียนใหทุกศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเร่งผลักดันนักศึกษากลุ่มอายต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 30,000 คน และต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 200,000 กว่าคน ให้เข้าสู่ระบบโรงเรียนให้มากที่สุด โดยเน้นให้เข้าเรียนในวิทยาลัยอาชีวศึกษา และสถานศึกษาอื่นๆ ที่นักศึกษามีความประสงค์อยากจะเรียน สำหรับด้านการปรับปรุงรายการวิทยุและโทรทัศน์ เห็นว่า งบประมาณที่ กศน.ได้รับเพียง 15 ล้านบาท จากที่ขอไป 400 ล้านบาท นั้น นับว่าน้อยมาก ให้ทบทวนและเสนอผ่านอีกครั้ง เนื่องจากศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาของกศน. จะเป็นศูนย์ผลิตรายการทั้งกระทรวง จำเป็นต้องมีการพัฒนาระเบียบให้คล่องตัวมากขึ้น และอาจจะพัฒนาให้เป็นสถาบันอิสระ ขึ้นตรงกับกระทรวงศึกษาธิการ
ท้ายที่สุด รมช.สุรพร ได้กล่าวว่า ตนรู้สึกพอใจในงาน 6 เดือนที่ผ่านมา มีทั้งที่ได้พัฒนาเป็นรูปธรรมแล้ว และอยู่ในระหว่างดำเนินการตามแผนการปฏิรูปเดิม ได้นำร่องเพียง 16 จังหวัด แต่ต่อไปจะเพิ่มเป็น 76 จังหวัดทั่วประเทศ ตนจึงขอฝากผู้บริหาร กศน.ทั้งในจังหวัดและอำเภอ ให้นำนโยบายไปเน้นย้ำให้เกิดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันด้วย เพื่อให้การปฏิรูปหลักสูตรและการเรียนการสอนเป็นรูปธรรม โดยเร็ว--จบ--