กรุงเทพ--30 ม.ค.--เอกธนกิจ
ตามที่ปรากฎมีข่าวลือในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จำกัด (มหาชน) ประสบปัญหาการดำเนินธุรกิจ ไม่สามารถชำระดอกเบี้ย ให้กับผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพ และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนรวมถึงการขาดทุนจากการ ลงทุนในหลักทรัพย์เป็นจำนวนมาก และข่าวอื่น ๆ อีกนั้น
บริษัทฯ ขอปฏิเสธข่าวลือต่าง ๆ โดยสิ้นเชิงและขอชี้แจงให้ทราบดังนี้
1. บริษัทฯ ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ (ECD) 2 ครั้ง ECD 1 มียอดคงเหลือ เพียง 1 แสนเหรียญสหรัฐอเมริกา ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2546 ส่วน ECD 11 เป็นจำนวน 120 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2544 และหุ้น กู้ด้อยสิทธิจำนวน 2,400 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดในปี 2544 โดยบริษัทฯ ไม่ เคยผิดนัดชำระดอกเบี้ยแต่อย่างใด
2. สำหรับสถานะการดำรงเงินตราต่างประเทศนั้น ธนาคารแห่งประเทศ ไทยมีกฎเกณฑ์ให้บริษัทเงินทุนต้องซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง อยู่แล้ว โดยบริษัทเงินทุนจะมีฐานะเงินตราต่างประเทศสุทธิได้ไม่เกิน 20% ของเงิน กองทุน ฉะนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมาก และโดย เฉพาะอย่างยิ่ง ภาวะของเงินเหรียญสหรัฐที่แข็งขึ้นไม่มีผลกระทบต่อฐานะการเงิน ของบริษัทฯ แต่อย่างไร เนื่องจากบริษัทฯ ได้ทำสัญญาประกันความเสี่ยงไว้สำหรับ เงินกู้ยืมส่วนใหญ่ที่เป็นเงินตราสกุลต่างประเทศรวมทั้งยอดคงค้างของ ECD ด้วย
3. ในส่วนของการลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ตามงบการเงิน ณ วัน ที่ 30 ธันวาคม 2539 บริษัทฯ มีเงินลงทุนในหลักทรัพย์จำนวน 27,840 ล้านบาท โดยมีหลักทรัพย์จดทะเบียนประเภททุนจำนวน 5,558 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็น หลักทรัพย์รัฐบาล และหลักทรัพย์ประเภทหุ้นกู้เป็นส่วนใหญ่ โดยหลังจากปรับมูลค่า ตามราคาตลาดที่ระดับ SET INDEX ที่ระดับ 831.57 แล้ว มีผลขาดทุนที่ยังไม่ได้ เกิดขึ้นจำนวน 1,161 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักผลขาดทุนแล้ว บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นจำนวนสูงถึง 14,000 ล้านบาท
4. ในปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าเงินฝากของบริษัทฯ รวมทั้งสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจติดต่ออยู่ เป็นปกติ มิได้มีการถอนเงินจากผู้ฝากเงินเป็นจำนวนมากแต่อย่างไร นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีสภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์สูง โดยมีจำนวนเงินเหลือพอให้กู้ยืมในตลาดการ เงินด้วย
5. ณ ปัจจุบันไม่มีพนักงานระดับบริหารในสายงานวาณิชธนกิจลาออกแต่ อย่างใด--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit