กรุงเทพ--25 ก.ค.--ทางด่วนกรุงเทพ
นายสุพงศ์ ชยุตสาหกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวลือในห้องค้าหลักทรัพย์ต่างๆ เมื่อวานนี้ว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BECL โดยเฉพาะธนาคารต่างๆ ว่าได้มีการขายหุ้น BECL ออกไป เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นธนาคารบางแห่งนั้น นายสุพงศ์ กล่าวว่าเป็นการนำเรื่องสองเรื่องมาผูกกันโดยไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เพราะในบรรดาผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งหมดของ BECL อันประกอบไปด้วย กลุ่มบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) กลุ่มธนาคารกรุงเทพ กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ กลุ่มธนาคารทหารไทย หรือกลุ่มธนาคารกรุงไทย เป็นต้นนั้น ได้มีการทำสัญญาตกลงร่วมกันไว้ว่าจะมีการถือหุ้น BECL ไว้เป็นจำนวนที่แน่นอน และเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี ดังนั้นข่าวลือที่ว่ากลุ่มธนาคารซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BECL ขายหุ้นทิ้งจึงไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น
นายสุพงศ์ยังกล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้การที่ธนาคารต่าง ๆ ถือหุ้นของ BECL ไว้เป็นจำนวนมากในระดับหนึ่งนั้น ทำให้ธนาคารเหล่านั้นมีสิทธิที่จะส่งตัวแทนมาร่วมเป็นคณะกรรมการของ BECL ซึ่งย่อมจะส่งผลดีต่อธนาคารต่าง ๆ มากกว่าการขายหุ้น BECL อย่างแน่นอน และเมื่อพิจารณาในพอร์ตของธนาคารต่าง ๆ การขายหุ้น BECL ในระดับราคาปัจจุบันย่อมจะส่งผลให้ราคาหุ้นของ BECL ลดต่ำลงไปอีก ซึ่งจะส่งผลสะท้อนไปยังพอร์ตของธนาคารต่าง ๆ จะทำให้มีมูลค่าลดต่ำลงด้วย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่ธนาคารผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BECL จะขายหุ้น BECL ไป
สำหรับเรื่องที่นักลงทุนกังวลในประเด็นที่ BECL มีโอกาสสูงที่จะได้รับสัมปทานเครือข่ายทางด่วนอีกหลายสายนั้น อาจจะทำให้ BECL มีการลงทุนเกินตัว(OVER INVESTMENT) นายสุพงศ์ กล่าวว่า ในสถาวะขณะนี้ BECL จะไม่มีการลงทุนเกินตัวอย่างแน่นอนเ พราะเครือข่ายทางด่วนที่ครม.อนุมัติไปเมื่อเร็ว ๆ นี้นั้น เส้นทางส่วนใหญ่ทางการทางพิเศษจะต้องมีการเปิดประมูลอย่างเสรีอีกครั้งหนึ่งสำหรับโครงการที่ BECL จะเป็นผู้ได้รับสัมปทานอย่างแน่นอน ขณะนี้มีโครงการทางด่วนสายบางปะอิน - ปากเกร็ด และโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วนดี (พระราม 9 - ศรีนครินทร์) เท่านั้น
นอกจากนี้ นายสุพงศ์ ยังกล่าวถึงหลักการเลือกลงทุนในแต่ละโครงการของ BECL จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลักเสมอ โดยจะพิจารณาผลตอบแทนแต่ละโครงการว่าเหมาะสมเพียงใด อาทิ ระยะเวลาในการลงทุน สถานการณ์ สภาพจราจรและสภาพเศรษฐกิจ โดยรวมเป็นอย่างไร เป็นต้น ดังนั้นนักลงทุนทั้งหลายจึงไม่ต้องกังวลว่า BECL จะลงทุนในสภาพที่เกินความสามารถของบริษัท ส่วนในเรื่องผลประกอบการไตรมาส 2 นั้น นายสุพงศ์ ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะดีกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน ซึ่งตัวเลขที่เป็นทางการคาดว่าจะแจ้งกับทางตลาดหลักทรัพย์ฯ และสาธารณชนได้ภายในต้นเดือนสิงหาคมนี้
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณอัจฉรา เทวฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายประชา-สัมพันธ์, คุณเบญจวรรณ พิกุลทอง ประชาสัมพันธ์ บริษัท คิธ แอนด์ คิน คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.663-3226-9 โทรสาร.259-8943, 663-0646--จบ--