เผยผลการจัดอันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพลประจำปี 2567 มีอันดับหนึ่งมากถึง 6 ประเทศ – ดร. คริสเตียน เอช เคลิน (Dr. Christian H. Kaelin) ประธานของเฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส (Henley & Partners) เปิดเผยว่า แม้แนวโน้มที่พบจากที่ได้จัดอันดับพาสปอร์ตมาตลอด 19 ปีนั้นสะท้อนให้เห็นเสรีภาพในการเดินทางมากขึ้น แต่ความเหลื่อมล้ำในการเดินทางทั่วโลกระหว่างอันดับบน ๆ กับอันดับท้าย ๆ ของตารางก็มากขึ้นเช่นกัน
เผยผลการจัดอันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพล แชมป์เก่าถูกโค่นแล้ว – สหราชอาณาจักรดูเหมือนจะพลิกฟื้นกลับมาได้แล้วหลังอันดับลดลงมา 6 ปี โดยขยับขึ้นสองอันดับมาอยู่ที่อันดับ 4 ซึ่งเป็นอันดับที่เคยครองเอาไว้เมื่อปี 2560 ในทางกลับกัน สหรัฐยังคงมีอันดับลดลงในดัชนีนี้ติดต่อกันมานับทศวรรษแล้ว โดยขยับลงสองอันดับมาอยู่ที่ 8 โดยเดินทางไปจุดหมายต่าง ๆ แบบไม่ต้องขอวีซ่าได้เพียง 184 แห่ง เมื่อเทียบกับสมัยรุ่งเรืองเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วในปี 2557
ผลการจัดอันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพลมากที่สุด (และน้อยที่สุด) ในโลกประจำปี 2566 – ปัจจุบัน พลเมืองญี่ปุ่นสามารถเดินทางสู่จุดหมาย 193 แห่ง จากทั้งหมด 227 แห่งทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า (visa-free) หรือขอรับการตรวจลงตราที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (visa-on-arrival) ในขณะที่เกาหลีใต้และสิงคโปร์ที่รั้งอันดับ 2 ร่วม สามารถเดินทางสู่จุดหมาย 192 แห่งโดยไม่ต้องขอวีซ่า ส่วนเยอรมนีและสเปนที่ครองอันดับ 3 ร่วม
ผลสำรวจเผยพาสปอร์ตทรงอิทธิพลที่สุดในโลกกลับถูกจำกัดการเดินทางมากที่สุดในตอนนี้ – แม้พลเมืองของทั้งสามประเทศจะสามารถเดินทางไปยังจุดหมายทั่วโลกได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ 17 ปีของการจัดทำดัชนี แต่ข้อมูลสถิติล่าสุดของ IATA กลับชี้ว่า ความต้องการเดินทางระหว่างประเทศของผู้โดยสารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีเพียง 17% ของระดับก่อนเกิดโควิด และอยู่ต่ำกว่า 10% เกือบตลอดสองปีที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าห่างจากแนวโน้มทั่วโลกอย่างมาก โดยในยุโรปและอเมริกาเหนือฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 60%
ผลการจัดอันดับพาสปอร์ตทั่วโลกเผยวิกฤตการเมืองส่งผลต่ออิทธิพลของพาสปอร์ต – การบุกยูเครนครั้งนี้ส่งผลให้เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งเลวร้ายที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยชาวยูเครนกว่า 4 ล้านคนต้องอพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา และประเทศตะวันตกอีกหลายประเทศ ได้ปิดน่านฟ้าห้ามเที่ยวบินจากรัสเซียผ่าน แบนการเดินทางของพลเมืองรัสเซียรายบุคคล และหยุดออกวีซ่า
ผลการจัดอันดับพาสปอร์ตเผยให้เห็นพาสปอร์ตที่มีอิทธิพลมากและน้อยที่สุดในปี 2565 สะท้อนให้เห็นการแบ่งแยกสีผิวในการเดินทาง – ความเหลื่อมล้ำในการเดินทางทั่วโลกระหว่างประเทศร่ำรวยกับประเทศยากจนปรากฏให้เห็นเด่นชัดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เมื่อหลาย ๆ ประเทศได้ใช้มาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน โดยจำกัดการเดินทางพุ่งเป้าไปที่ประเทศแถบแอฟริกา ซึ่งนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (U.N.) เปรียบให้เหมือนกับการ "แบ่งแยกสีผิวในการเดินทาง"
ผลการจัดอันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพลเผยให้เห็นความแตกต่างที่เห็นชัดที่สุดในด้านเสรีภาพการเดินทาง – การจัดอันดับดังกล่าวมีขึ้นโดยอิงข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association หรือ IATA) เพื่อจัดอันดับหนังสือเดินทางทั่วโลกตามจำนวนจุดหมายปลายทางที่ผู้ถือหนังสือเดินทางนั้นเดินทางไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่ามาก่อน ผลการจัดอันดับแสดงให้เห็นว่า ประเทศในโลกเหนือที่มีหนังสือเดินทางอยู่ในอันดับสูง ๆ ได้บังคับใช้กฎข้อบังคับที่เข้มงวดเป็นอันดับต้น ๆ
โควิด-19 ยังทำให้พาสปอร์ตทรงอิทธิพลมีความแข็งแกร่งลดลง – ญี่ปุ่น ซึ่งใกล้จะเปิดฉากมหกรรมกีฬาโตเกียวโอลิมปิก 2020 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าหลังจากที่ได้เลื่อนไป และแม้จะยังคงอยู่ในภาวะ "กึ่ง" ฉุกเฉินนั้น ก็ยังคงรั้งอันดับหนึ่งในการจัดอันดับ Henley Passport Index ซึ่งจัดทำขึ้นโดยอิงข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association หรือ IATA) ตามหลักการแล้ว
Henley Passport เผยอันดับพาสปอร์ตทรงอิทธิพลในรายงานฉบับใหม่ หลังการเดินทางระหว่างประเทศเริ่มเปิดอีกครั้ง – ตัวอย่างเช่น ในช่วงต้นปีนี้ พาสปอร์ตของสหรัฐรั้งอันดับ 6 ใน Henley Passport Index หรือการจัดอันดับพาสปอร์ตทั่วโลกโดยพิจารณาจากจำนวนจุดหมายที่เดินทางเข้าได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า ซึ่งนั่นหมายความว่าชาวอเมริกันสามารถเดินทางได้อย่างอิสระไปยังจุดหมายปลายทาง 185 แห่งทั่วโลก ต่อมา
พาสปอร์ตอันดับต้น ๆ ของโลกเฉิดฉายน้อยลงในโลกยุคหลังโรคระบาด – แม้จะไม่ได้สะท้อนในการจัดอันดับล่าสุด ซึ่งปกติแล้วไม่ได้คำนึงถึงคำสั่งห้ามเดินทางชั่วคราว แต่ก็เป็นเรื่องที่เปิดหูเปิดตาว่าเสรีภาพในการเดินทางในปัจจุบันเป็นอย่างไรสำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางที่ครั้งหนึ่งเคยทรงเกียรติ โดยปกติแล้วพาสปอร์ตของสหรัฐจะติดทำเนียบท็อป 10 โดยที่ประชาชนสามารถเดินทางไป 185 จุดหมายโดยไม่ต้องขอวีซ่า อย่างไรก็ดี ภายใต้มาตรการแบนของ EU ในปัจจุบัน