กลุ่มดุสิตธานี ผนึกความร่วมมือ 3 พันธมิตรต่อยอดธุรกิจ เซ็นเอ็มโอยูสร้างบริการด้านสุขภาพเชิงป้องกันแบบองค์รวม และรักษาผู้มีบุตรยากแบบครบวงจรในประเทศไทย

29 Oct 2024

กลุ่มดุสิตธานี ผนึกความร่วมมือ 3 พันธมิตรต่อยอดธุรกิจ เซ็นเอ็มโอยูสร้างบริการด้านสุขภาพเชิงป้องกันแบบองค์รวม และรักษาผู้มีบุตรยากแบบครบวงจรในประเทศไทย เดินหน้าสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการท่องเที่ยว-ดันไทยเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

กลุ่มดุสิตธานี ผนึกความร่วมมือ 3 พันธมิตรต่อยอดธุรกิจ เซ็นเอ็มโอยูสร้างบริการด้านสุขภาพเชิงป้องกันแบบองค์รวม และรักษาผู้มีบุตรยากแบบครบวงจรในประเทศไทย

กลุ่มดุสิตธานี เดินหน้าต่อยอดสร้างโอกาสทางธุรกิจในตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ล่าสุดลงนามความร่วมมือกับ 3 พันธมิตร Inspire IVF, Prolab และ Zeniq Holistic Clinic ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพ รวมถึงบริการรักษาผู้มีบุตรยาก เพื่อให้บริการแบบครบวงจรในประเทศไทย มั่นใจจะเป็นการขยายโอกาสด้านการท่องเที่ยวในมิติลึกที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าทั่วทุกมุมโลกได้หลากหลายขึ้น ซึ่งจะช่วยยกระดับบริการและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวในไทย เผยกลุ่มดุสิตธานีพร้อมนำจุดเด่นด้านบริการที่พักและโภชนาการที่เหนือระดับรองรับการเดินทางของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจากทั่วทุกมุมโลก

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) กับบริษัท Inspire IVF จำกัด (มหาชน) บริษัท Professional Laboratory Management Corp จำกัด (มหาชน) และ Zeniq Holistic Clinic ในการสร้างบริการด้านสุขภาพเชิงป้องกันแบบองค์รวม รวมถึงบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์แก่ผู้มีบุตรยากอย่างครบวงจร "กลุ่มดุสิตธานีมีความยินดีและตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย เวชศาสตร์ฟื้นฟู และเวชศาสตร์การเจริญพันธ์ และนับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการต่อยอดธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นอกเหนือไปจากการท่องเที่ยวในรูปแบบทั่วไป ซึ่งเรามั่นใจว่า ประเทศไทยจะกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของนักเดินทางและนักท่องเที่ยวในกลุ่มนี้"

ข้อมูลจาก Global Wellness Institute 2023 ระบุว่าเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 5.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2570 ทั้งนี้ ในปี 2567 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลกในด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และตลาดสุขภาพของไทยมีมูลค่าประมาณ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 1.18 ล้านล้านบาท) คิดเป็น 8.5% ของ GDP ซึ่งจุดแข็งของไทยในภาคส่วนนี้ รวมถึงบริการทางการแพทย์คุณภาพสูง การดูแลสุขภาพแบบแพทย์แผนไทย และโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง

สำหรับความร่วมมือระหว่างกลุ่มดุสิตธานีและพันธมิตรทั้ง 3 หน่วยงานในครั้งนี้ ถือเป็นการนำความเชี่ยวชาญและทรัพยากรที่โดดเด่นของแต่ละฝ่าย มาสร้างการบริการด้านการแพทย์แบบไร้รอยต่อ ที่ครอบคลุมตั้งแต่ การตรวจวินิจฉัย ให้คำปรึกษา การบริการรักษาแก่ผู้มีบุตรยากและผู้ที่ต้องการการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ตลอดจนการให้บริการห้องพักและโภชนาการที่เหนือระดับ เพื่อสร้างการดูแลแบบองค์รวมที่ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยทาง Zeniq จะดูแลเรื่องเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging) และเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Rehabilitation) ส่วน Inspire IVF จะให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากและการเก็บรักษาเซลล์สืบพันธุ์ (Egg Bank) สำหรับสุภาพสตรี ด้วยห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยและทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ และ Prolab จะเป็นผู้ให้บริการห้องปฏิบัติการที่จำเป็นและการทดสอบทางการแพทย์ การตรวจวินิจฉัยด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ในขณะที่กลุ่มดุสิตธานี จะเป็นผู้ให้บริการด้านที่พักและอาหารที่ออกแบบโดยทีมเชฟร่วมกับนักโภชนาการสำหรับลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าวสรุปว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะดำเนินภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานการดูแลและความปลอดภัย รวมถึง สร้างมาตรฐานใหม่ในบริการด้านการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ และการบริการต้อนรับที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าต่างชาติ โดยก่อนหน้านี้กลุ่มดุสิตธานีได้ผนึกความร่วมมือกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อให้บริการที่พักที่เหนือระดับ รวมถึงบริการด้านโภชนาการสำหรับผู้ป่วย และครั้งนี้เราได้ต่อยอดบริการไปสู่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการบริการด้านสุขภาพด้วยการผนึกความร่วมมือกับหน่วยงานภาคเอกชนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ตลอดจนมีความพร้อมด้านบุคลากร เทคโนโลยีและทรัพยากรต่างๆ ที่สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแสดงให้เห็นถึงโอกาสและศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มของการท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งในมิติที่ลึกตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และในมิติที่กว้าง เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยคว้าส่วนแบ่งตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง