"เจเอเอส แอสเซ็ท (J)" ออกหุ้นกู้ 2 ชุด อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 7.00 - 7.35% ต่อปี เสริมแกร่งแผนปั้นโครงการใหม่ หนุนรายได้ขยายตัว

26 Nov 2024

บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/67 จำนวน 2 ชุด ชนิดไม่ด้อยสิทธิ โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 มีอายุ 1 ปี 6 เดือน และ หุ้นกู้ชุดที่ 2 มีอายุ 2 ปี 6 เดือน ประเภทมีหลักประกันเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จ.ขอนแก่น ซึ่งมีมูลค่าประเมินประมาณ 248 ล้านบาท โดยหุ้นกู้มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 7.00 - 7.35% ต่อปี เสนอขายวันที่ 9, 11 - 12 ธันวาคมนี้

"เจเอเอส แอสเซ็ท (J)" ออกหุ้นกู้ 2 ชุด อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 7.00 - 7.35% ต่อปี เสริมแกร่งแผนปั้นโครงการใหม่ หนุนรายได้ขยายตัว

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยื่นแบบแสดงรายการต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว ครั้งที่ 1/2567 จำนวน 2 ชุด ชนิดระบุชื่อผู้ถือไม่ด้อยสิทธิ มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 ประเภทไม่มีประกัน มีอายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง [7.25 - 7.35]% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 ประเภทมีหลักประกัน โดยหุ้นกู้มีอายุ 2 ปี 6 เดือน และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง [7.00 - 7.25]% ต่อปี โดยมีหลักประกันเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จ.ขอนแก่น ซึ่งมีมูลค่าประเมินประมาณ 248 ล้านบาท ซึ่งหลักประกันดังกล่าวอยู่ภายใต้แผนการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าชุมชนแห่งใหม่ของบริษัท สำหรับหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุดดังกล่าวจะมีการชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ วัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปชำระคืนหนี้ และใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการใหม่

โดยคาดว่าจะเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน และ/หรือ นักลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 9, 11 - 12 ธันวาคม 2567 ผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ 6 ราย ดังนี้

  1. บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
  2. บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)
  3. บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
  4. บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด
  5. บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
  6. บริษัท หลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน)

โดยมี นายทะเบียนหู้กู้คือ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ J มีความแข็งแกร่งในธุกิจด้านการบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าในส่วนของโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าเทคโนโลยี ภายใต้ชื่อ "IT Junction" ซึ่งเป็นธุรกิจเริ่มต้น จากนั้น ได้ขยายไปยัง ธุรกิจพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบตลาดชุมชนและศูนย์การค้าชุมชน (Community Mall) และเติบโตจนเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ปัจจุบัน มีจำนวนโครงการศูนย์การค้าชุมชนทั้งหมด 8 แห่ง ณ เดือนกันยายน 2567 คิดเป็นพื้นที่เช่ารวมเกือบ 100,000 ตรม. และได้จับมือเป็นพันธมิตรกับร้านค้าชั้นนำหลากหลายแบรนด์ อาทิ Suki Teenoi, Starbuck, KFC, และอื่นๆ เพื่อดึง Traffic ของลูกค้าให้กับศูนย์การค้าชุมชน และสร้าง Tenant Mix ที่มีความน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ ได้ขยายไปยังธุรกิจดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงวงจร ภายใต้ชื่อ SENERA SENIOR WELLNESS

โดยสะท้อนให้เห็นจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผลประกอบการของบริษัททั้งในแง่ของรายได้และกำไรสุทธิ (ในงวด 9 เดือน 2567 บริษัทมีรายได้ 459.36 ลบ. และกำไรสุทธิ 157.84 ลบ. ซึ่งแสดงถึงการเติบโตทางธุรกิจที่มั่นคงของบริษัทที่ต้องการมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าและเป็นผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อชุมชนที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น

"ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าชุมชนมาแล้ว 8 โครงการ เป็นศูนย์กลางแหล่งชุมชนที่สามารถมอบประสบการณ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์แบบครบจร ทำให้มีอัตราพื้นที่เช่าอยู่ในระดับสูง จึงวางแผนออกหุ้นกู้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับขยายโครงการใหม่บนทำเลศักยภาพ โดย J ออกหุ้นกู้จำนวน 2 จุด อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7.00 - 7.35% ต่อปี มองว่า นับเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากหุ้นกู้ที่ยังคงให้ดอกเบี้ยสูง ขณะที่ ความมั่นคงของบริษัทฯ ทั้งในแง่สินทรัพย์ และผลการดำเนินงาน ในอดีตสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสด สามารถจ่ายชำระคืนหุ้นกู้ตามนัดได้สม่ำเสมอ" นายสุพจน์ กล่าว

สำหรับโค้งสุดท้ายของปี บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาปรับปรุงพื้นที่โครงการเดิม และจับมือพาร์ทเนอร์ในกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ต เพิ่มทราฟฟิคการเข้ามาใช้บริการมากขึ้น และจะมีกิจกรรมที่ตอบโจทย์ศูนย์การค้าของบริษัททั้ง 8 โครงการให้คึกคักไปจนถึงสิ้นปี โดยเฉพาะใน 2 โครงการล่าสุดที่ JAS GREEN VILLAGE ประเวศน์ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 และ JAS Green Village รามคำแหง เปิดตัวเมื่อ 20 กันยายนที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดี สนับสนุนครึ่งปีหลังภาพรวมรายได้ค่าเช่าของบริษัทขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก

และในปี 2568 ปักหมุดแลนมาร์คใหม่สาขาที่ 9 ที่จังหวัดขอนแก่น อยู่ทำเลในเมือง โดยจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสคอมมูนิตี้มอลล์ และโรงแรม มีเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดบริการได้ไตรมาส 3 ปี 2568 และเป็นสาขาแรกในต่างจังหวัดที่บริษัทเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการ บุกศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit