เปิดอาณาจักร "สารพัดไทย" ศูนย์รวมสินค้าไลฟ์สไตล์ดีไซน์ไทย สุดโมเดิร์น

20 Nov 2024

พบความเป็นไทย บอกเล่าในธีม 'ทุกสารพัดสิ่งที่ค้นหา' ที่ One Bangkok

เปิดอาณาจักร "สารพัดไทย" ศูนย์รวมสินค้าไลฟ์สไตล์ดีไซน์ไทย สุดโมเดิร์น

เตรียมพร้อมกับปรากฏการณ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ที่สอดแทรกความเป็นไทยสไตล์โมเดิร์น ผ่านไอเทมหลากดีไซน์ เสมือนประตูสู่โลกแห่งการค้นหาที่ "สารพัดไทย" ศูนย์รวมสินค้าสำหรับผู้หลงใหลในไลฟ์สไตล์ที่เฟ้นหาผลิตภัณฑ์คุณภาพ ผสานการออกแบบร่วมสมัยยิ่งใหญ่อลังการเป็นแห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 2,400 ตรม. ณ ชั้น 3 โซนพาเหรด วัน แบงค็อก One Bangkok เดสติเนชันใหม่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ชื่นชอบวิถีสไตล์ไทยในยุคปัจจุบัน และกำลังมองหาสินค้าไทยที่สะท้อนความเป็นไทยผ่านการออกแบบและตีความออกมาให้เป็นของที่มีอัตลักษณ์ไทยในมุมมองใหม่และใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

โดยถือฤกษ์ดีวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2567 จัดงานฉลองเปิดร้านอย่างเป็นทางการ โดยมีเหล่า เซเลบริตี้ อาทิ อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ, พลอย จริยะเวช, พนิดา เอี่ยมศิรินพกุล และ ฐนุชดี เสรีวัฒโนภาส ฯลฯ มาร่วมเช็กอินไลฟ์สไตล์ช้อปดีไซน์โดนใจและร่วมกิจกรรมสนุกสนานมากมาย เช่น กิจกรรมคัสตอมกระเป๋าผ้าโชคดี กิจกรรมทำน้ำหอมกลิ่นพิเศษเฉพาะตัวคุณ เป็นต้น

วรรณชื่น ทองเย็น ผู้จัดการทั่วไป ร้านสารพัดไทย เผยว่า เครื่องหมายการค้าของ สารพัดไทย คือ "ฯลฯ" ซึ่งในความหมายในภาษาอังกฤษ หมายถึง etc. Thainess หรือคำไทยคือ สารพัดสิ่งและเรื่องราวเล่าขานไม่มีที่สิ้นสุดที่รอคอยคุณให้มาค้นหาที่สารพัดไทย อีกหนึ่งหัวใจหลัก คือ สินค้าทุกชิ้นต้องเป็นแบรนด์ที่คิดและออกแบบโดย 'คนไทย' ถ่ายทอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทั้งความสวยงามและลึกซึ้งในวัฒนธรรม แสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยในมุมมองใหม่ๆ ที่เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบใด สารพัดไทยจะช่วยให้คุณค้นพบตัวตนในแบบฉบับที่คุณไม่เคยเจอมาก่อน เรียกได้ว่า สารพัดไทย คือ แพลตฟอร์มที่นำสินค้าฝีมือคนไทยมาแสดง เป็นหนึ่งในโชว์เคสที่มาในรูปแบบของร้าน lifestyle shop

สำหรับ "สารพัดไทย" รวบรวมสิ่งของธรรมดาที่คนไทยคุ้นเคยในรูปแบบแปลกใหม่กว่า 20,000 ไอเทม สินค้าทุกชิ้นคือสื่อกลางสะท้อนถึงความเคารพ ความรัก และความผูกพันทางสังคมและวัฒนธรรม ล้วนได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่

โซน"แต่งเนื้อ แต่งตัว" บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทยผ่านเสื้อผ้า เครื่องหนัง และเครื่องประดับที่ผสมผสานความเป็นไทยร่วมสมัยกับเทรนด์แฟชั่นโลกให้เข้ากันได้อย่างกลมกลืน และสนุกสนานตามสไตล์คนเมือง อย่างแบรนด์ Daroon นำเสนอความเป็นไทยมาผสมผสานกับความโมเดิร์น รังสรรค์ออกมาเป็นเสื้อผ้า และของใช้ไลฟ์สไตล์สุดเก๋ หรือแบรนด์ PALIT แบรนด์เสื้อผ้าจากเชียงใหม่ที่เปิดช็อปแรกในกรุงเทพฯ นำเสนอ ในคอนเซ็ปต์ less is more ใช้วัสดุจากผ้าฝ้าย ผสานดีไซน์เรียบง่ายเข้าได้กับทุกยุคสมัย ปรากฏเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ได้ทุกวันตอบโจทย์คนเมืองได้อย่างลงตัว รวมถึงแบรนด์ TISI TISAI เสื้อผ้าที่ออกแบบจากการใช้ผ้าทอท้องถิ่นมาตีความใหม่ให้ดูทันสมัย หรือแบรนด์แฟชั่นและของที่ระลึกสุดเก๋จากแบรนด์ "The Only Market" นำแรงบันดาลใจมาจากร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่อยู่ทุกมุมของกรุงเทพฯ มาตีความใหม่จนเกิดเป็นไอเทมหลากหลาย ตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า ไปจนถึงของตกแต่งบ้าน และยังมีแบรนด์กระเป๋าเก๋ๆ ฝีมือคนไทยมากมาย อาทิ WINDWEAR, KEAR STORE, KAYA, MUUNSAN, FEEL FREE และ A La Maison by VINN Pattararin

โซน "สุดแสน สร้างสรรค์" จุดบรรจบของความคิดสร้างสรรค์กับความเท่ พร้อมมอบความทรงจำอันสนุกสนานสไตล์ไทย ได้แก่ แบรนด์ "Moreover" นำสีสันและความสนุกของเมืองหลวงมาถ่ายทอดเป็นสินค้าแม็กเน็ตในธีม "กรุงเทพฯ" ทั้งสถานที่เด่น ร้านอาหารดัง และกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวหลงใหล และแบรนด์ 'Ek Ka Nek' บาล์มสมุนไพรอโรมารูปแบบใหม่พกพาสะดวกเหมาะสำหรับเป็นของฝากด้วยภาพวาดแนว Doodle Art แลนด์มาร์กแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย หรือ "Kanita Leather" แบรนด์เครื่องหนังดีไซน์คุ้นตาที่หยิบยกของไทยใกล้ตัวอย่าง "ขนมไทย" ทั้งขนมเบื้อง ขนมใส่ไส้ ขนมเทียน และข้าวต้มมัด มาดัดแปลงเป็นคอลเลกชันกระเป๋าเครื่องหนัง (Small Leather Goods) รวมถึงแบรนด์ 'นานาจิตตัง' ศิลปินไทยยกสินค้าไลฟ์สไตล์สุดเก๋หลากหลายไอเทม พร้อมออกแบบลายเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะร้านสารพัดไทยอีกด้วย

นอกจากนี้ยังเป็น Hub ศูนย์รวม Art Toys สัญชาติไทยไว้อย่างล้นหลาม มีดีไซน์ limited edition มากมาย จากตัวละครดัง ไม่ว่าจะเป็น HAYAK ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรามเกียรติ์, MUPA TOY คาแรกเตอร์ขี้โมโหแหกปาก และ NGAEW NGAEW คาแรกเตอร์ที่โดดเด่นด้านเทคนิคทำให้สัตว์ดุร้ายกลายเป็นน่ารักนักสะสมทั้งหลายไม่ควรพลาด

โซน "อยู่ดี กินดี" สัมผัสเสน่ห์ของอาหารไทย ผ่านเครื่องเทศ สมุนไพร ชา กาแฟ ตลอดจนขนมขบเคี้ยว ไม่ว่าจะเป็น เจลลีมะม่วงจาก "สวนปทุมทิพย์" ทำจากมะม่วงมหาชนกรสชาติหวาน หรือช็อกโกแลตนมรสทุเรียนและรสข้าวซอยจากแบรนด์ "Siamaya's Milk Chocolate" ผู้ผลิตช็อกโกแลตนมจากเมล็ดโกโก้ไทย และนมสดจากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงไอเทมเด็ด "บ๊วยคืนชีพ" บ๊วยสัญชาติไทยที่เคี้ยวจนหยุดไม่ได้ และหนึ่งในไฮไลท์ของโซนนี้คือ "สไปซ์ สตอรี่" แบรนด์สินค้าระดับพรีเมียม ภายใต้ "ง่วนสูน ตรามือที่1" ผู้นำด้านพริกไทยและเครื่องเทศ ที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน พร้อมส่งมอบประสบการณ์ทุกสัมผัสของการปรุงอาหารชั้นเลิศ

โซน "อยู่เย็น เป็นสุข" เปลี่ยนบ้านของคุณเป็นมุมพักผ่อนอันเงียบสงบด้วยของตกแต่งบ้านสไตล์ไทยที่รุ่มรวยทางวัฒนธรรม และกลิ่นหอมจากสมุนไพรช่วยผ่อนคลาย เช่น แบรนด์ "Lively Light Ware" โคมไฟที่ตัวโคมเขียนลายจากคราม ออกแบบลวดลายเฉพาะสารพัดไทย คอนเซ็ปต์ "อยู่เย็น เป็นสุข" หรือแบรนด์ "Pinto Mada" ความทรงจำในวัยเด็กกับปิ่นโตโบราณที่ใส่อาหารฝีมือแม่ จนเกิดไอเดียนำปิ่นโตมาเพ้นท์ลวดลายต่างๆ อาทิ ลายต้มยำกุ้ง ลายน้ำพริกปลาทู จัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับสารพัดไทยโดยเฉพาะ หรือจะเป็น VASSA เครื่องหอมที่ปรุงจากกลิ่นดอกไม้ไทย และผลิตภัณฑ์เครื่องหอมจาก Thaniya เครื่องหอมและของตกแต่งบ้านจากเซรามิก เขียนลายด้วยมือจากช่างฝีมือมากประสบการณ์ ตัวเทียนทำมาจากข้าวหอมมะลิ ผสานกลิ่นหอมจากดอกไม้และสมุนไพรไทย มีกลิ่นให้เลือกมากกว่า 20 กลิ่น

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ต้องมาเช็กอิน ลั่นชัตเตอร์ และแชร์ภาพสุดว้าว กับ "ตรอกโชคดี" ซอยทางลัดจากโซนสุดแสนสร้างสรรค์ ไปโซน แต่งเนื้อแต่งตัว และโซนอยู่เย็นเป็นสุข ถูกเนรมิตมาในธีม "โชคดี มีสุข" (Lucky Prosperity) เล่าเรื่องราวความเชื่อของคนไทยในเรื่องการแสวงหาความ "โชคดี" มีเทพมาอวยพร การถูกหยิบยกเรื่องราวมาเพื่อเฉลิมฉลองความสุข ต้อนรับผู้คนที่มาเยี่ยมเยียน ผ่านการออกแบบให้เสมือนประตูทะลุมิติที่สนุกสนาน เป็นจุดถ่ายรูปที่แสดงถึงบรรยากาศของความเป็นไทยที่เต็มไปด้วยสีสัน และนำเรื่องความเชื่อต่างๆ ของคนไทยมาตีความให้สนุกสนานสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของร้านสารพัดไทย รวมถึงยังมีโซน "ตลาดนัด สารพัดไทย" พื้นที่ 140 ตารางเมตร ซึ่งอยู่ด้านหน้าติดกับโซนสุดแสนสร้างสรรค์ เป็นพื้นที่รวมร้านเก๋ฝีมือดีไซเนอร์คนไทยรุ่นใหม่ในทุกวงการที่อยากนำเสนอผลงานผลิตภัณฑ์ดีๆ เวียนมาออกร้าน ตามธีมต่างๆ ที่จะเปลี่ยนไปทุกๆ ไตรมาส เพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับร้านสารพัดไทย

นอกจากนี้ยังมี "สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ" ที่ศิลปินผลิตให้เฉพาะสารพัดไทยเพียงเท่านั้น เช่น อาร์ตทอย เรื่องราวของ "Polygon Ganesha" โดยแบรนด์ MUU แนวคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบชาวไทยที่ต้องการนำเสนอความเชื่อในพระพิฆเนศ ในรูปแบบที่ทันสมัยและเรียบง่าย แต่ยังคงไว้ซึ่งความงดงามและมีความหมายที่ลึกซึ้ง ออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิต ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการผสานความศักดิ์สิทธิ์เข้ากับการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล, สติกเกอร์รูปขนมใส่ไส้ หรือ ยาดมที่มาในแพ็กเกจโขน หรือถุงผ้านางกวัก รวมถึงมี "มุมDIY" ที่ลูกค้าสามารถรังสรรค์ผลงานได้ หรือเลือกกระดาษห่อของขวัญเองได้อีกด้วย ราคาสินค้าเริ่มต้นประมาณ 500-1500 บาท พร้อมด้วยร้านชา สัญชาติไทย แบรนด์ "Tea ET Tea" และร้านคาเฟ่ กาแฟสัญชาติไทย"มหานคร คาเฟ่" ที่เตรียมเมนูพิเศษไว้ให้บริการมากมาย

ค้นพบความเป็นไทยในแบบของคุณเอง ทุกสารพัดสิ่งที่คุณค้นหา ได้ที่ Sarapad Thai (สารพัดไทย) ณ ชั้น 3 ฝั่ง Parade ตึก One Bangkok และ ติดตามกิจกรรมสนุก จาก Sarapad Thai ได้ที่ Facebook: Sarapad Thai, Instagram: sarapadthai

เปิดอาณาจักร "สารพัดไทย" ศูนย์รวมสินค้าไลฟ์สไตล์ดีไซน์ไทย สุดโมเดิร์น