การบูรณาการเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและการวางโครงสร้างเทคโนโลยีในปี 2568
บทความโดย นายณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ CEO และ Co- Founder ของเบลนเดต้า (Blendata)
Generative AI: เทรนด์แห่งปี 2567ตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำว่าปัญญาประดิษฐ์หรือ "AI" ที่ก้าวล้ำขึ้นอย่างมาก "Generative AI (GenAI)", "Large Language Model (LLM)", "Foundation Model" กลายเป็นคีย์เวิร์ดที่ทุกคนจับตามอง ผู้ให้บริการหลายแห่ง เช่น OpenAI (ChatGPT), Google (Gemini) ต่างเข้ามาทำให้ "Generative AI" เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จากความสามารถ ความชาญฉลาด และการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเกินกว่า AI ยุคก่อน ๆ
การประยุกต์ใช้ Generative AI (GenAI)รูปแบบการประยุกต์ใช้ GenAI ที่ผ่านมานั้น สามารถแบ่งตามการใช้งานได้ดังต่อไปนี้
โดยทั้งหมดนี้เพื่อตอบโจทย์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การเพิ่มประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้า รวมถึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันขององค์กรให้สัมฤทธิ์ผล
สู่ยุค "Agentic AI": Top-trend ของปี 2568หนึ่งในความสามารถหลักที่สำคัญของ LLM คือความสามารถในการเข้าใจภาษามนุษย์ เข้าใจบริบท การวิเคราะห์ และแนะนำการกระทำ (Action) จากสิ่งที่รับรู้ได้ จึงได้เกิดไอเดียต่อยอดที่จะนำ AI หลาย ๆ โมเดล (รวมถึง LLM) ประยุกต์เป็น "Agentic AI" ซึ่งคือระบบ AI ที่ทำงานด้วยตนเองอัตโนมัติ สามารถดำเนินการได้อย่างอิสระ เรียนรู้และปรับตัวตามสถานการณ์จริง รวมถึงแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ด้วยตัวเอง โดยอาศัยบริบทและจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ เปรียบเสมือนผู้ช่วย (Agent) เสมือนจริงที่มีความสามารถจัดการดำเนินการต่าง ๆ โดยอัตโนมัติได้ โดยไม่ต้องรอรับคำสั่ง ซึ่งนั่นทำให้ Gartner ยก Agentic AI เป็นหนึ่งใน Top Strategic Technology Trend ประจำปี 2568 โดยคาดการณ์ว่า ภายในปี 2571 Agentic AI จะมีบทบาทในการดำเนินการตัดสินใจงานทั่วไปที่ต้องทำในแต่ละวัน (day-to-day work) โดยอัตโนมัติอย่างน้อย 15%
องค์กรสามารถนำ Agentic AI ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพ หรือทดแทนบุคลากรที่ต้องจัดการงานที่ต้องทำเป็นประจำ ไปจนถึงการทำงานร่วมกันในโครงการที่ซับซ้อน ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายสาขา ตั้งแต่ฝั่งการตลาดเพื่อช่วยเหลือในการทำ Digital Marketing หรือการทำ Personalized Up-sell/Cross sell โดยอัตโนมัติ ในฝั่ง Operation เช่น การบริหารจัดการ Supply Chain ให้ต้นทุนต่ำที่สุดโดยมีประสิทธิภาพที่ดี ซึ่งกระทำการจัดซื้อ การแจ้งเตือน หรือการส่งงานโดยอัตโนมัติ หรือในฝั่ง IT ที่ช่วยในการตรวจสอบ แก้ไขปัญหาระบบเน็ตเวิร์ค แอปพลิเคชัน โดยไม่จำเป็นต้องมีทีมไอทีขนาดใหญ่คอยสนับสนุนงานเหล่านี้ด้วยตนเอง เป็นต้น
Data Infrastructure ที่เหมาะสม เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อความเร็วและประสิทธิภาพในการประยุกต์ใช้ AI ในปี 2568 วัตถุดิบของ AI ที่สำคัญที่สุดคือข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่มีคุณภาพ ครบถ้วนในทุกมิติและมีปริมาณเพียงพอต่อการใช้งาน โดยจะต้องจัดเก็บ Big Data เหล่านั้นไว้ บนเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลที่ทันสมัย มีความยืดหยุ่น สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ โดยหลักการในการเลือกเทคโนโลยีมีดังต่อไปนี้
เราจะเห็นอะไรต่อจากนี้AI ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ไปจนถึงการลงทุนด้าน AI และ Data Center ด้วยเม็ดเงินมหาศาลจากรัฐและเอกชน และจากผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ของโลก จะช่วยปลดล็อคข้อจำกัดทั้งทางด้านกฎระเบียบ และข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี ส่งผลให้ธุรกิจไทย ทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก สามารถนำเทคโนโลยี เช่น AI และ Big Data มาใช้ได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในราคาต้นทุนการใช้เทคโนโลยีที่ถูกลง
นอกจากนี้ ในระยะเวลาอันสั้น เราจะได้เห็นว่า Agentic AI มีบทบาทเพิ่มขึ้นหลากหลาย ตั้งแต่การเป็นเครื่องมือให้ความช่วยเหลือ ไปจนถึงเป็นเครื่องมือที่ทดแทนการทำงานของมนุษย์บางด้าน ซึ่งเป็นสมรรถนะที่ทำได้มากกว่าการสร้างคอนเทนต์ หรือทำได้เฉพาะเรื่องแบบเจาะจง (ANI: Artificial Narrow Intelligence) ซึ่งจะปรับเปลี่ยนงานหลายอย่างที่มนุษย์ต้องคอยทำหน้าที่เดิมซ้ำ ๆ ให้กลายเป็น AI ที่ทำทุกอย่างด้วยคอมพิวเตอร์แบบอัตโนมัติ
องค์กรควรเตรียมตัวอย่างไรในปี 2568
ความร่วมมือสู่ความสำเร็จเบลนเดต้าเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านเทคโนโลยี Big Data และ AI นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์การใช้งานของธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม ด้วยแพลตฟอร์มหลักอย่าง Blendata Enterprise - Hybrid Data Lakehouse Platform ที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดเก็บ จัดการ วิเคราะห์ และนำข้อมูลทั้งแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับเวิร์กโหลด ด้าน Big Data & AI ได้อย่างครอบคลุม เช่น Data Lakehouse การรวมข้อมูลและ ETL การวิเคราะห์ SQL แบบ Interactive การวิเคราะห์ขั้นสูง (AI/ML) การวิเคราะห์แบบสตรีมมิ่ง ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถแทนที่แพลตฟอร์มดั้งเดิมอย่าง Hadoop ด้วยคุณสมบัติที่เหนือกว่า อีกทั้งยังรองรับการใช้งานแบบ Low-code/No-code ช่วยลดความซับซ้อน เพิ่มความรวดเร็ว ครอบคลุมทุก Workloads และลดต้นทุนโดยรวม (TCO) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit