กลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส กลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำ ผู้ให้บริการทางการเงินและการลงทุนครบวงจร กางแผนต่อยอดธุรกิจ พร้อมวางกลยุทธ์ 5 ด้านหลัก มุ่งสู่ผู้นำ Wealth Management เต็มรูปแบบในปี 2568 ตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าครบวงจร และสร้างผลตอบแทนในระยะยาว เพื่อช่วยบริหารความเสี่ยง หนุนฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำแบบครบวงจร เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด และประธานกรรมการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า "ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ.2567 ถูกกดดันจากหลายสาเหตุทั้งการลงทุนภาคเอกชน การบริโภคภาคเอกชน และการส่งออกที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด ท่ามกลางภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูง และความเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน สำนักวิจัยและหน่วยงานด้านเศรษฐกิจต่างๆ ออกมาประกาศและปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี พ.ศ.2567 โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5% ดังนั้น GDP ไตรมาส 4/67 คาดจะต้องเติบโตอย่างน้อย +3.2% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) ถึงจะโตเท่าประมาณการที่ตั้งไว้ 2.5% ซึ่งถือว่าเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ส่วนทิศทางดอกเบี้ยหลังจากที่เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2567 มีมติเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.25% ตามตลาดคาด โดย กนง.มองว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับเป็นกลาง (Neutral Rate) อย่างไรก็ตามในระยะถัดไป หาก กนง.เห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจแย่กว่าคาด ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเสมอ"
ขณะที่ ธปท.ประเมินเศรษฐกิจไทยปี พ.ศ. 2568 กำลังเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันจากภายนอกที่รุนแรงขึ้น และความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่สูงขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งทิศทางนโยบายการค้าโลก ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตามมองว่า รัฐบาลไทยพยายามเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการเพิ่มขึ้นของแรงสนับสนุนจากรายจ่ายภาครัฐ การขยายตัวของอุปสงค์ภาคเอกชน การท่องเที่ยวและบริโภคจ่อฟื้นตัวต่อเนื่อง และการส่งออกสินค้าที่ขยายตัว โดยประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.9% ในปี 2568 ส่วนอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1 - 3% ทั้งนี้ ในปีนี้คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 1.1%
แนวโน้มการลงทุนในตลาดทั่วโลก ปีนี้จะเป็นปีที่เผชิญกับความเสี่ยงใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาจากเรื่องของสงครามการค้ารอบใหม่ อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงด้านอื่นๆ ตามมาได้ ท่ามกลางสถานการณ์โลกไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า ล้วนสร้างแรงกดดันต่อตลาดเงินและตลาดทุนมีความผันผวนรุนแรงมาก ทำให้มองว่าปีนี้จะเป็นปีที่การลงทุนในตลาดไหนๆ ก็จะยากขึ้นไม่ว่าจะเป็นตลาดไทยตลาดต่างประเทศ
ในปี 2568 กลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส ผู้นำกลุ่มธุรกิจการเงินครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การให้บริการด้านการจัดการด้านความมั่งคั่ง (Wealth Management) อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองตรงต่อความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยยึดหลักกลยุทธ์ที่บริษัทได้วางแผนพัฒนาและต่อยอดใน 5 ด้าน ได้แก่
สำหรับกลยุทธ์ทั้ง 5 ด้านนี้ จะช่วยในการต่อยอดการเป็นผู้นำด้านบริการ Wealth Management โดยปัจจุบันมีการจัดกลุ่ม Segment ออกมาจะทำให้สามารถโฟกัสกลุ่มลูกค้า High Net Worth ได้อย่างชัดเจน และสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนให้ลูกค้าเลือกได้อย่างตรงกลุ่มด้วยการ Customize แผนการลงทุนเฉพาะบุคคล ขณะที่บริษัทฯ เองมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้เลือกลงทุนหลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเภทหลักทรัพย์ต่างๆ ในตลาดทุน กองทุนรวม Structure Note หุ้นกู้ พันธบัตร การลงทุนนอกตลาด อาทิ Private Equity, Hedge Fund, Start Up รวมไปถึงประกันภัย ดังนั้น บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญในการอบรมเพิ่มทักษะด้านการบริหารความมั่งคั่ง และการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบ Cross Selling ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้แนะนำการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีศักยภาพในการให้คำแนะนำที่ดีและแม่นยำ แก่ลูกค้าที่ต้องการสร้างผลตอบแทนเติบโตในระยะยาว ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมในแต่ละ Segment
"เอเซีย พลัส ได้ทำการปรับตัวขยายธุรกิจเพื่อก้าวสู่ผู้ให้บริการ Wealth Management มาอย่างต่อเนื่องตลอด 17 ปี เพราะเราเล็งเห็นความสำคัญของการกระจายรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นตัวแปรที่บ่งชี้ถึงความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตที่แข็งแกร่งสะท้อนได้จากผลดำเนินงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนรายได้ที่มีความสมดุล และมีกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ.2567 เป็นอีกปีที่ผลดำเนินงานของกลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส ยังเติบโตแข็งแกร่ง และในปี พ.ศ. 2568 บริษัทมั่นใจว่ากลยุทธ์ 5 ด้าน จะขับเคลื่อนกลุ่มเอเซีย พลัส เติบโตได้ดีต่อเนื่อง" ดร.ก้องเกียรติกล่าว
ปัจจุบัน แต่ละธุรกิจของกลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส เดินหน้าพัฒนามุ่งสู่การเติบโตในระยะยาว ดังนี้
ธุรกิจด้านการลงทุน (บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์)วางกลยุทธ์ Increase Investment Capability ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัท ทั้งในแง่ของการขยายการลงทุนของบริษัทเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มีศักยภาพที่สุด และในแง่การพัฒนาบุคคลากรในทุกภาคส่วนให้มีความรู้เรื่องการลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินไม่ว่าจะเป็น หุ้นไทย,กองทุนรวม, ตราสารหนี้, การลงทุนต่างประเทศ รวมถึง Complex Product เช่น หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Structured Note)
ธุรกิจหลักทรัพย์ (บล.เอเซีย พลัส) มุ่งสู่เป้าหมายหลักขององค์กรในการ Transform To Wealth ด้วยการยึดหลักกลยุทธ์ที่ชัดเจนสร้างการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์และบริการจากการเป็นเพียง "นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Broker)" ได้ยกระดับขึ้นสู่การเป็น "ผู้ให้บริการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management)" โดยปัจจุบันมี Platform ที่มีมาตรฐานเพื่อส่งเสริมการลงทุนที่ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า ซึ่งจะมีเครื่องมือใหม่ๆ พร้อมให้บริการอย่างครบเครื่อง ได้แก่ ASP Academy, ASP-ONE นอกจากนี้ ได้สร้าง Best Omni-Channel Experience โดยการผสมผสานเทคโนโลยี และ Human Touch เพื่อสร้างประสบการณ์การลงทุนที่ดีและเข้าถึงได้ง่าย สะดวก ปลอดภัยให้แก่ลูกค้าของบริษัท
ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สิน (บลจ.แอสเซท พลัส) วางกลยุทธ์มุ่งเน้นพัฒนากองทุนเดิมให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ ที่เป็นนวัตกรรมให้สอดรับกับแนวโน้มตลาดโลก และที่สำคัญที่สุดคือการส่งมอบผลการดำเนินงานของผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในระดับที่ดีถึงดีที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหมายหลักของธุรกิจกองทุนรวม
ธุรกิจที่ปรึกษา (บจก.ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส) เป็นอีกบทบาทสำคัญของบริษัทที่เข้ามามีส่วนร่วมผลักดันการเติบโตทางธุรกิจที่มั่นคงให้แก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ (Corporate) ซึ่งมีทั้งการระดุมทุนรูปแบบ Private Placement การทำ Merger & Acquisitionและการการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายธุรกิจ
"แม้ว่าในปี 2568 เศรษฐกิจโลกยังเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง รวมถึงเศรษฐกิจไทย แต่การดำเนินงานภายใต้แนวคิดการกระจายรายได้บริหารความเสี่ยงมาอย่างต่อเนื่อง และการวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรที่ชัดเจน การให้ความรู้แก่พนักงานเพื่อเพิ่มทักษะการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบ Cross Selling จะเป็นแนวทางให้ทุกหน่วยงานของบริษัทในกลุ่ม เอเซีย พลัส ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพไปในทิศทางเดียวกัน Transform To Wealth (หรือจะใช้ว่า "ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้าน Wealth Management) เพื่อสนับสนุนให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย" ดร.ก้องเกียรติ กล่าวในตอนท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit