THREL กางแผนปี 68 ก้าวสู่ Road to Quality ปั้นพอร์ตคุณภาพอัพการเติบโต เปิดผลงานปี 67 เบี้ยรับโตทะลุ 4.5 พันลบ.

25 Feb 2025

THREL กางแผนปี 2568 ก้าวสู่ "Road to Quality" ปั้นพอร์ตคุณภาพขับเคลื่อนการเติบโต ต่อยอดกลยุทธ์ "ซ่อม-สร้าง" ตั้งเป้าดึง Combined Ratio ยืนที่ระดับ 100% พร้อมเปิดผลงานปี 2567 กวาดเบี้ยประกันภัยต่อรับเพิ่ม 32% แตะ 4,559 ล้านบาท ยอมรับ Medical Inflation ยังเป็นปัจจัยท้าทายหลัก กระทบคุณภาพการเคลมสินไหมประกันสุขภาพ

THREL กางแผนปี 68 ก้าวสู่ Road to Quality ปั้นพอร์ตคุณภาพอัพการเติบโต เปิดผลงานปี 67 เบี้ยรับโตทะลุ 4.5 พันลบ.

นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยว่า ขณะนี้ธุรกิจประกันชีวิตได้พิจารณาปรับเบี้ยประกันสุขภาพกลุ่มขึ้นเฉลี่ย 30% พร้อมปรับเปลี่ยนนโยบายการขาย รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเพิ่มโอกาสช่องทางการขายใหม่ๆ นำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาบริการ และปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพื่อให้ครอบคลุมและสอดรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบันในทุกกลุ่มเป้าหมาย ส่งผลให้แนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตปี 2568 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทตั้งเป้าก้าวสู่ "Road to Quality" ปั้นพอร์ตคุณภาพ ขับเคลื่อนการเติบโตแข็งแกร่ง ผลักดันอัตราค่าใช้จ่ายรวม (Combined ratio) กลับมายืนอยู่ที่ระดับ 100%

นับเป็นอีกขั้นในการต่อยอดกลยุทธ์ "ซ่อม-สร้าง" ที่ได้เร่งปรับพอร์ตให้เกิดความสมดุลในการรับประกันทุกประเภท ทั้งประกันสุขภาพรายบุคคล และประกันกลุ่ม เป็นต้น พร้อมปรับเงื่อนไขการรับประกันภัยต่อ ให้สอดคล้องอัตราสินไหมทดแทนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงพิจารณายกเลิกสัญญาที่ไม่ทำกำไรในระยะยาว ภายใต้การคุมเข้มกระบวนการพิจารณารับประกันภัย และบริหารความเสี่ยง ด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ เพื่อควบคุมคุณภาพผลการรับประกันภัยให้อยู่ในระดับความเสี่ยงที่รับได้

นายวิพล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยต่อรับเพิ่มขึ้น 32% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน แตะ 4,559 ล้านบาท โดยเป็นเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิ 4,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% ตามการเติบโตของตลาดประกันสุขภาพรายบุคคลและประกันกลุ่มเป็นสำคัญ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยรวมเพิ่มขึ้นราว 41% อยู่ที่ 4,502 ล้านบาท จากค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น 1,244 ล้านบาท ตามการเติบโตของเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้น และจากการเพิ่มขึ้นของอัตราค่ารักษาพยาบาล (medical cost inflation) ของผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ที่มีการปรับขึ้นตามภาวะอุตสาหกรรม ซึ่งสูงเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยประกันที่ได้ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าบำเหน็จที่เพิ่มขึ้น 141 ล้านบาท ตามการเติบโตของเบี้ยประกัน ในไตรมาส 4 บริษัทสามารถมีผลประกอบการที่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่เนื่องด้วยมี Major Claim เกิดขึ้น 2 ราย จากการประกัน Credit Life ซึ่งกระทบกับสินไหมที่บริษัทรับประกันต่อมูลค่า 50 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2567 บริษัทมีผลขาดทุนอยู่ราว 85 ล้านบาท และ Combined Ratio ขยับมาอยู่ที่ระดับ 104.1%

"Medical Inflation ที่สูงขึ้นยังคงเป็นปัจจัยท้าทาย ต่อการบริหารคุณภาพการเคลมสินไหมประกันสุขภาพ แต่จากกลยุทธ์ที่บริษัทได้เร่งดำเนินการ ทั้งปรับพอร์ตให้มีความสมดุลในทุกประเภท การปรับเงื่อนไขรับประกัน ตลอดจนยกเลิกสัญญาที่ไม่ทำกำไร ซึ่งอาจส่งผลต่อการชะลอการเติบโต แต่จะเป็นกลยุทธ์ที่จะรักษาความเสี่ยงของความผันผวนจากการเคลม เพื่อให้บริษัทกลับมามีผลประกอบการอย่างยั่งยืนในระยะยาว" นายวิพล กล่าว

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit