"บมจ.โรงพยาบาล ลาดพร้าว หรือ LPH" กางแผนปี 68 ตั้งธงรายได้รวมโต 15% คนไข้ทั่วไปเข้ารับการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น ทั้งผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) รวมทั้งผู้ป่วยต่างชาติจากตะวันออกกลาง-กัมพูชา-พม่า ขยายตัวเพิ่มขึ้น "ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช" แม่ทัพใหญ่ ทุ่มงบปีนี้ 1,000 ลบ. เดินหน้าแผนการลงทุนปี 68 ลงทุนสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางแห่งใหม่ 2 แห่ง คือ รพ.จักษุอินเตอร์ฯ ลาดพร้าว และรพ.ศัลยกรรมเฉพาะทางรวมผ่าตัดหัวใจครบวงจร ที่ออกแบบเป็นอาคารสีเขียว (Green Building) เทรนด์รักษ์โลก และปรับปรุงอาคารเก่าและอุปกรณ์ทางการแพทย์ แย้มวางแผน 2-3 ปีนับจากนี้ นำบริษัทลูก LPM เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2568 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมเติบโตที่ระดับ 15% จากปีก่อน โดยภาพรวมปัจจุบันคนไข้ทั่วไปกลับมาเข้ารับการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น ทั้งคนไข้ภายนอก (OPD) และคนไข้ใน (IPD) โดยสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มผู้ป่วยจากประกันสังคม (สปส.) ราว 45% และกลุ่มผู้ป่วยเงินสดราว 55% ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติทยอยกลับมาใช้บริการมากขึ้นเช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่จะเป็นคนไข้จากตะวันออกกลาง รวมถึงคนไข้ประเทศกัมพูชา และพม่า ซึ่งสนใจเข้ารับการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น
"จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้สัดส่วนผู้ป่วยเงินสดเพิ่มสูงขึ้นด้วย จากเดิมปี 2566 รายได้ผู้ป่วยต่างประเทศไม่ถึง 5% ส่วนปี 2568 คนไข้ต่างประเทศคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก โดยรายได้จากคนไข้ต่างประเทศคาดจะอยู่ที่ 7-8% โดยเฉพาะคนไข้กัมพูชา และตะวันออกกลาง ตอนนี้มารักษาในโรงพยาบาลระดับกลางมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น" ดร.อังกูร กล่าว
นอกจากนี้ ฐานผู้ป่วยประกันตนล่าสุดอยู่ที่ 190,000 ราย คาดว่าอีก 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคมน่าจะใกล้เคียง 200,000 ราย ภาพรวมปี 2568 นี้ อัตราการเพิ่มของผู้ประกันตนและรายได้ประกันสังคม จะเพิ่มขึ้น 5% ช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา LPH ได้เปิดศูนย์การแพทย์ประกันสังคมลาดพร้าวแห่งใหม่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลเดิมด้วย เพื่อรองรับฐานผู้ป่วยที่ใหญ่ขึ้น สามารถรับผู้ป่วยนอกประกันสังคม วันละ 1,500 คน และเป็นศูนย์ตรวจสุขภาพประกันสังคมในย่านลาดพร้าวและบริเวณใกล้เคียงด้วย
สำหรับแผนการลงทุนในปี 2568 นี้ เดินหน้าลงทุนสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางแห่งใหม่ 2 แห่ง คือ รพ.จักษุอินเตอร์ฯ ลาดพร้าว และรพ.ศัลยกรรมเฉพาะทางรวมผ่าตัดหัวใจครบวงจร ได้มีการออกแบบเป็นอาคารสีเขียว (Green Building) เทรนด์รักษ์โลก และการปรับปรุงอาคารเก่าและอุปกรณ์ทางการแพทย์ งบลงทุนจะอยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท เดิมการก่อสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางใหม่ 2 แห่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2568 พร้อมเปิดให้บริการต้นปี 2569 มีเหตุต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากการขออนุญาตก่อสร้างและการปรับแบบอาคารเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Building) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในไตรมาสที่ 2/2568 แล้วเสร็จปลายปี 2569 หากการก่อสร้างแล้วเสร็จจะรองรับคนไข้ไทยพรีเมี่ยมและคนไข้ต่างชาติ ซึ่งจะเป็นฐานรายได้สำคัญในกลุ่มผู้ป่วยเงินสดในอนาคตด้วย
นอกจากนี้ บริษัทลูก บริษัท แอลพี เมดดิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด (LPM) เป็นบริษัทศูนย์ตรวจสุขภาพนอกสถานที่ โดยปี 2567 ที่ผ่านมา ผลประกอบการค่อนข้างดีมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 120 ล้านบาท ส่วนปี 2568 คาดว่ารายได้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 30% โดยมีแผนจะรับตรวจสุขภาพนอกสถานที่ให้โรงพยาบาลอื่นๆ ด้วย (Outsource) ซึ่งคาดว่าจะมีโรงพยาบาลอื่นส่งงานให้ LPM เพิ่มขึ้นด้วย
"เราวางแผน 2-3 ปีนับจากนี้ (ปี 2568-2570) จะนำ LPM Spin Off หากธุรกิจนี้เดินหน้าไปด้วยดี ซึ่งปัจจุบันมีออฟฟิศอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ จ.อยุธยา รับงานภาคกลาง จ.นครราชสีมา รับงานภาคอีสาน และสำนักงานกรุงเทพฯ รับงานในกรุงเทพมหานคร โดยในอนาคตมีแผนที่จะขยายงานด้านตรวจสุขภาพครบวงจร ตั้งแต่การป้องกันและดูแลสุขภาพการรักษาพยาบาล ศูนย์พักฟื้นโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุเป็นหลักด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit