“สวนคุณช้าง” ยืนหนึ่ง GAP ดีเด่นเขตภาคเหนือ ชู GAP การันตีผลผลิต สร้างรายได้หลักล้านแม้ในช่วงโควิด

19 Aug 2024

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม หรือ Good Agricultural Practices (GAP) เป็นแนวทางในการผลิตพืชที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคมีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้สนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรที่ปฏิบัติตามแนวทาง GAP โดยทุกปีสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรทั้ง 8 เขตของกรมวิชาการเกษตรจะคัดเลือกเกษตรกรที่มีผลงานโดดเด่นในการปฏิบัติการเกษตรตามแนวทาง GAP เพื่อมอบรางวัลยกย่องและเชิดชูเกษตรกรที่ปฏิบัติการเกษตรตามแนวทางดังกล่าว

“สวนคุณช้าง” ยืนหนึ่ง GAP ดีเด่นเขตภาคเหนือ ชู GAP การันตีผลผลิต สร้างรายได้หลักล้านแม้ในช่วงโควิด

ในปี 2567 นายสวัสดิ์ วัฒนชัย เกษตรกรเจ้าของสวนคุณช้างผู้ผลิตมะม่วงส่งออก เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่ได้รับรางวัลเกษตรกร GAP ดีเด่นระดับเขตของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีที่ตั้งแปลงอยู่ที่ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ปลูกมะม่วงจำนวน 254 ไร่ ปลูกพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองจำนวน 10,000 ต้น และพันธุ์มหาชนกจำนวน 10,000 ต้น ได้รับการรับรอง GAP ครั้งแรกในปี 2553 และมีการต่ออายุการรับรองแปลง GAP เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเกษตรกรกลุ่มแรก ๆ ที่เริ่มการผลิตมะม่วงคุณภาพส่งออกไปต่างประเทศ โดยทำสัญญากับบริษัทส่งออกเพื่อส่งผลผลิตจำหน่ายไปยังประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีเป็นหลัก

สภาพพื้นที่สวนคุณช้างมีลักษณะดินเดิมเป็นดินทรายแต่ได้รับการปรับปรุงดินอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใส่หินร็อคฟอสเฟต ปุ๋ยคอก กระดูกป่น รวมไปถึงใช้กิ่งมะม่วงที่ผ่านการบดย่อยหลังตัดแต่งกิ่ง เพื่อปรับโครงสร้างดิน จากการทดลองของเกษตรกรพบว่าระยะปลูกมะม่วง 6 x 2 เมตร (1 ไร่ ปลูกมะม่วงได้ 133 ต้น) เป็นระยะที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการสวนมะม่วง สามารถนำเครื่องจักรกลเกษตร เช่น แอร์บลาสต์ แทรกเตอร์ รถตัดหญ้า รถบดกิ่งมะม่วง เข้ามาทำงานได้สะดวก ช่วยประหยัดเวลา และลดแรงงานในการฉีดพ่นสารเคมี ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและมีรายได้เพิ่มขึ้น

สวนคุณช้าง เน้นสร้างความแข็งแรงสมบูรณ์ให้ต้นมะม่วงตั้งแต่หลังเก็บเกี่ยว มีเทคนิคการสร้างความสมบูรณ์ต้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ต้นทยอยสะสมอาหารตลอดระยะการผลิต โดยใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 อัตรา 1 กิโลกรัมต่อต้นก่อนตัดแต่งกิ่ง ซึ่งหากต้นมีการสะสมอาหารเพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องใช้สารกระตุ้นการออกดอก มีการตัดแต่งกิ่งเป็นทรงพุ่มโปร่ง เพื่อให้มะม่วงมีความพร้อมต่อการออกดอกติดผลในฤดูถัดไป และยังช่วยลดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช ส่วนกิ่งและใบที่เหลือจากการตัดแต่งจะนำมาบดย่อยเพื่อทำปุ๋ยหมักบำรุงต้น นอกจากนี้ยังมีการนำเทคนิคการล้างต้น โดยใช้สารเคมีแลมป์ดาไซฮาโลทรินฉีดพ่นลำต้นหลังตัดแต่งทำให้ช่วยลดความรุนแรงจากปัญหาด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วง ในช่วงติดผลอ่อน จะคัดผลที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง เมื่อมะม่วงมีขนาดผลเท่าไข่ไก่จะห่อผลมะม่วงด้วยกระดาษคาร์บอน เพื่อป้องกันการเข้าทำลายของแมลงวันผลไม้ พร้อมทั้งบำรุงให้ต้นมะม่วงมีความสมบูรณ์อยู่เสมอ โดยใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 25-7-7 อัตรา 1 กิโลกรัมต่อต้น ในช่วงใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิต มีการบำรุงโดยใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 อัตรา 1 กิโลกรัมต่อต้น เร่งการเจริญเติบโตของผล และสร้างเนื้อผล ช่วยให้คุณภาพและรสชาติหวานขึ้น

“สวนคุณช้าง ถือเป็นพื้นที่ผลิตมะม่วงขนาดใหญ่ในเขตภาคเหนือ มีการจัดการสวนที่โดดเด่น เน้นการทำการเกษตรแบบ Zero Waste เลือกใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเท่าที่จำเป็น ปฏิบัติตามข้อบังคับของคู่ค้าอย่างเคร่งคัด ไม่ใช้สารเคมีต้องห้ามตามที่ประเทศคู่ค้ากำหนด ทำให้ผลผลิตในแปลงมีคุณภาพ มีความปลอดภัย ทำให้มีผู้ประกอบการส่งออกมะม่วงเข้ามาติดต่อซื้อขายผลผลิตหลายราย แม้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ทำให้บางประเทศต้องระงับการส่งออกหรือเพิ่มมาตรการป้องการเชื้อไวรัสโควิดไม่ให้ติดปนไปกับผลผลิตอย่างเข้มงวด แต่มะม่วงจาก “สวนคุณช้าง” ก็ยังสามารถเป็นหนึ่งในสวนผลไม้ส่งออกที่สามารถครองตลาดส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นได้ โดยในปี 2566 นายสวัสดิ์มีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตจำนวน 3,141,100 บาท หักต้นทุนการผลิตแล้วมีกำไรรวม 1,280,000 บาท ที่สำคัญกรมวิชาการเกษตรยังเลือกให้สวนคุณช้างเป็นตัวแทนของสวนมะม่วงไทยโดยนำคณะผู้ตรวจจากประเทศออสเตรเลียเข้ามาตรวจสอบระบบการผลิตภายในแปลงเพื่อพิจารณาการตัดสินใจนำเข้ามะม่วงจากประเทศไทยด้วย” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว