สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี Energy Symposium 2024 ภายใต้หัวข้อ "การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับแผนพลังงานใหม่เพื่อมุ่งสู่ Carbon Neutrality" เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและผู้สนใจทั่วไป ได้รับทราบสถานการณ์โลกที่ส่งผลต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจและพลังงาน พร้อมแนวทางการปรับตัวภายใต้แผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ที่กระทรวงพลังงานกำลังนำมาใช้ผลักดันให้ประเทศมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี ค.ศ. 2065 ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
นายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม กล่าวว่า จากสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจ ภาวะโลกร้อนที่ก้าวเข้าสู่ภาวะโลกเดือด และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานโลก และนับเป็นความท้าทายของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะพลังงานถือเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินงานและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ดังนั้น ภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ SMEs จำเป็นต้องปรับตัวและเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายอย่างเร่งด่วน รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) จะมีส่วนช่วยอุตสาหกรรมก้าวสู่การแข่งขันอย่างยั่งยืนในอนาคตได้
ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะตัวแทนภาคอุตสาหกรรมที่มีบทบาทในการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของภาคอุตสาหกรรม เล็งเห็นถึงความสำคัญของสถานการณ์ด้านพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ส.อ.ท. จึงได้มียุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนภายใต้นโยบาย ONE FTI (One Vision, One Team, One Goal) โดยเน้นการขับเคลื่อน First Industries หรืออุตสาหกรรมเดิมและขยายผลสู่ Next-GEN Industries ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curves) ที่ขับเคลื่อนด้วย BCG Model (Bio-Circular-Green) ที่เป็นทิศทางของโลกในปัจจุบัน
โดยภาคอุตสาหกรรมต้องมีการเตรียมความพร้อมและรับมือต่อผลกระทบจากมาตรการภายใต้กรอบนโยบายจากต่างประเทศ ที่มาในรูปแบบต่างๆ เช่น Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) หรือมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (EU) ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจไทยและอีกหนึ่งแนวทางขับเคลื่อนผู้ประกอบการสู่ Smart SMEs ผ่าน 4GO ประกอบไปด้วย
นอกจากนี้ ส.อ.ท. ได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงพลังงาน ในการขับเคลื่อนแนวทางการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐด้วยดีมาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น ดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ ให้กับสมาชิก ส.อ.ท. เพื่อผลักดันและจูงใจให้มีการอนุรักษ์พลังงานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงส่งเสริมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มมูลค่า ตลอดจนส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน (Renewable Energy) ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) เพื่อมุ่งเน้นการผลิตที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านกิจกรรมการอบรมและสัมมนา รวมทั้งผลิตสื่อเผยแพร่ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรม
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาเราจะได้ยินเรื่องการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ที่หมายถึง การพยายามทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ เป็นกลาง ให้มีความสมดุลกันระหว่างการปล่อยและการดูดกลับด้วยการอนุรักษ์และปลูกป่าไม้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนใหญ่มาจากการผลิตการใช้พลังงานในทุกภาคส่วน ประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นลำดับที่ 20 ของโลก จากทั้งหมด 198 ประเทศ (Climate Watch Data, 2020) ซึ่งการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนใหญ่มาจากภาคพลังงานประมาณร้อยละ 70 จากการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งรวมกัน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit