"ภูมิธรรม-นภินทร" ขึ้นรถบด ทำลายของกลางสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 1.2 ล้านชิ้น มูลค่ากว่า 325 ล้านบาท พร้อมผนึกกำลัง รัฐ-เอกชน ปกป้องผู้บริโภค สร้างความเชื่อมั่นประเทศคู่ค้าและนักลงทุนเต็มที่

23 Aug 2024

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ณ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายอาวุธ วงศ์สวัสดิ์รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เข้าร่วมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ ปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจัง ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งพิธีทำลายของกลางฯ ถือเป็นอีกกลไกสำคัญของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสภายใต้พันธกรณีในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม โดยของกลางในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้นจะต้องนำมาทำลายด้วยวิธีที่เหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้ค้านักลงทุน และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ว่าสินค้าละเมิดฯ จะไม่ถูกนำกลับมาหมุนเวียนในท้องตลาดได้อีก นอกจากนี้ ยังสร้างความตระหนักรู้ให้สาธารณชนได้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดจากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพร่างกายของผู้บริโภคอันเนื่องมาจากการใช้สินค้าปลอมที่ไม่มีคุณภาพและไม่ได้มาตรฐาน

"ภูมิธรรม-นภินทร" ขึ้นรถบด ทำลายของกลางสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 1.2 ล้านชิ้น มูลค่ากว่า 325 ล้านบาท พร้อมผนึกกำลัง รัฐ-เอกชน ปกป้องผู้บริโภค สร้างความเชื่อมั่นประเทศคู่ค้าและนักลงทุนเต็มที่

นายภูมิธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ของกลางที่นำมาทำลายทั้งที่กรุงเทพฯ จังหวัดสระบุรี และจังหวัดชลบุรี มีหลายประเภท เช่น เครื่องแต่งกาย นาฬิกา กระเป๋า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่รถยนต์ รวมทั้งสินค้าจำพวก ยา เครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่ม โดยสินค้าทั้งหมดเป็นของกลางจากการจับกุมและตรวจยึดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,249,588 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 325 ล้านบาท

"เรากำลังเข้าสู่ระบบการค้าโลกใหม่ ต้องเคารพในสติปัญญาสร้างสรรค์ของบุคคลในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสิ่งต่างๆ ประดิษฐ์เป็นสินค้า ต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ผู้ประกอบการและผู้ผลิต ว่ารัฐบาลไทยตั้งใจอย่างจริงจัง นอกจากคุ้มครองนักลงทุน ผู้ผลิตและผู้ประกอบการแล้วยังเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคชาวไทยด้วย เราเอาใจใส่ในการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่หน่วยงานต่างชาติห่วงใย ผมได้พบกับเอกราชทูต ผู้นำประเทศหลายประเทศ ได้หารือเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เป็นกำลังสำคัญ และเราก็มีการดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ร่างกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ และวันนี้ได้เชิญเอกอัครราชทูตจากต่างประเทศ ตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศร่วมพิธี ให้เห็นความตั้งใจและความปรารถนาดีของรัฐบาลไทย ช่วยบอกกล่าวกับนักลงทุนและผู้เกี่ยวข้องด้านทรัพย์สินทางปัญญาว่า ประเทศไทยใส่ใจในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และทำอย่างจริงจัง เราจัดการกับทุกแพลตฟอร์มหากมีสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเราจะดำเนินคดีเต็มที่" นายภูมิธรรม กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขึ้นรถบดทำลายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่ให้สินค้าหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ทั้งนี้จากรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2567 ได้ชื่นชมการดำเนินการปราบปรามที่เป็นรูปธรรมของไทย อย่างไรก็ดี ไทยยังคงสถานะอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) รัฐบาลจึงพร้อมดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดฯ อย่างเข้มข้นต่อไปโดยมุ่งหมายให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากบัญชีดังกล่าว

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนเจ้าของสิทธิแล้ว ประชาชนเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยการหลีกเลี่ยงและไม่สนับสนุนการละเมิดฯ "ไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ใช้ของปลอม" นอกจากนี้ หากท่านใดพบเห็นว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สามารถแจ้งเบาะแสมาที่กองป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 02-547-4702 หรือสายด่วน 1368

"ภูมิธรรม-นภินทร" ขึ้นรถบด ทำลายของกลางสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 1.2 ล้านชิ้น มูลค่ากว่า 325 ล้านบาท พร้อมผนึกกำลัง รัฐ-เอกชน ปกป้องผู้บริโภค สร้างความเชื่อมั่นประเทศคู่ค้าและนักลงทุนเต็มที่