(กรุงเทพฯ ประเทศไทย 27 ตุลาคม 2566) — ในโลกที่ต้องเผชิญกับประเด็นความไม่มั่นคงทางอาหารที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย กุ้งเครย์ฟิชที่ดูธรรมดานั้นอาจจะเข้ามาเป็นตัวช่วยในการบรรเทาปัญหานี้ได้ Singapore Crawfish ผู้บุกเบิกโซลูชันการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืนกำลังแสดงให้เห็นว่า นวัตกรรมการเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชจะสามารถเป็นโซลูชันอันทรงพลังในการต่อสู้กับความขาดแคลานด้านอาหารได้อย่างไร
มุมมองเรื่องความไม่มั่นคงทางอาหารในเอเชีย
ก่อนที่จะลงให้ลึกไปถึงวิธีแก้ปัญหา สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้ก็คือการเข้าใจถึงปัญหาในแบบเชิงลึกเสียก่อน จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ ประชากรในภูมิภาคเอเชียคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลกที่กำลังประสบกับความไม่มั่นคงด้านอาหารในระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยในปี 2564 ผู้คนกว่า 1.05พันล้านคนในเอเชียแปซิฟิกต้องเผชิญกับทุกข์ยากด้าน ความไม่มั่นคงทางอาหารในระดับดังกล่าว ซึ่งตัวเลขที่น่าตกใจนี้เพิ่มขึ้นจากปี 2557 กว่า 343.5 ล้านคนหรือเกือบ 50% โดยเอเชียใต้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้ ด้วยประชากร 796.8 ล้านคน ต้องต่อสู้กับสภาวะไม่มั่นคงทางอาหารนี้
ประโยชน์จากการเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิช
จากตัวเลขทางสถิติที่น่าตกใจเหล่านี้ การเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชกลับกลายเป็นสัญญาณแห่งความหวังกุ้งเครย์ฟิช หรือที่เรียกว่า Crayfish หรือ Crawdad มีข้อดีที่น่าสนใจหลายประการ:
- อุดมด้วยโปรตีนและมีราคาไม่แพง: กุ้งเครย์ฟิชเป็นแหล่งโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นอันยอดเยี่ยม สิ่งที่ทำให้กุ้งมีคุณค่าเป็นพิเศษก็คือเรื่องของราคาที่ไม่สูงนัก ด้วยเหตุนี้ ในภูมิภาคที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจมักจำกัดการเข้าถึงอาหารที่มีโภชนาการ กุ้งเครย์ฟิชจึงถือเป็นแหล่งโปรตีนที่คุ้มค่า
- การสร้างงานและความมั่นคงทางอาหาร: ประโยชน์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการทำฟาร์มกุ้งเครย์ฟิชก็คือ ศักยภาพในการสร้างโอกาสการจ้างงานในชุมชนที่ยากจน มีชุมชนฐานะยากจนหลายแห่งตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำจืดที่เหมาะต่อการทำฟาร์มกุ้ง Singapore Crawfish กำลังเดินหน้าผลักดันการเติบโตของการจ้างงานและยกระดับความมั่นคงทางอาหารในพื้นที่เหล่านี้ ผ่านการให้ความรู้และจัดหาทรัพยากรที่จำเป็น
- การปฏิวัติสู่การเลี้ยงหลายสายพันธุ์: แนวทางที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Singapore Crawfish ได้แก่ การเพาะเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชและปลาไปพร้อม ๆ กันในนาข้าว ทำให้เกิดระบบนิเวศทางชีวภาพ ในระบบนี้ กุ้งเครย์ฟิชจะได้ประโยชน์จากน้ำที่อุดมด้วยสารอาหารและการเติมอากาศจากการหายใจของปลา ในทางกลับกัน ปลาจะได้ประโยชน์จากน้ำที่สะอาดขึ้นและมีการควบคุมสัตว์รบกวนแบบธรรมชาติ แนวทางนี้ช่วยทำให้เราสามารถใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดความจำเป็นในการใช้ปุ๋ยเทียมและยาฆ่าแมลง ทั้งยังส่งเสริมระบบการทำฟาร์มที่ยั่งยืนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น มีการนำรูปแบบการทำฟาร์มเช่นนี้ไปใช้ตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลกอย่างประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นิยมเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชและปลาร่วมกันในนาข้าว
- การลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์: แนวทางของนวัตกรรมนี้ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วยการประหยัดพลังงานผ่านการทำฟาร์มแบบผสมผสาน ลดการพึ่งพาสารเคมี และคงไว้ซึ่งแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ รูปแบบการทำฟาร์มที่ยั่งยืนเช่นนี้ยังสอดรับกับความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก พร้อมกับรับประกันถึงความมั่นคงทางอาหาร
วิสัยทัศน์ที่ยั่งยืนของ Singapore Crawfish
Singapore Crawfish เป็นองค์กรระดับแนวหน้าในการทำฟาร์มกุ้งเครย์ฟิชอย่างมีความรับผิดชอบ เทคนิคแบบครบวงจรช่วยรับรองถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างเข้มงวด มาตรการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ และความมุ่งมั่นต่อการทำงานอย่างมีความรับผิดชอบ Singapore Crawfish ตั้งเป้าที่จะสร้างระบบอาหารที่มีความเท่าเทียมและยั่งยืนทั่วโลกผ่านการแบ่งปันความรู้และส่งเสริมวิธีการที่ยั่งยืนข้างต้น
กุ้งเครย์ฟิชเป็นวิธีแก้ปัญหาที่น่าสนใจในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นคงทางอาหารเทคนิคบุกเบิกการเลี้ยงแบบหลายสายพันธุ์ของ Singapore Crawfish ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตเท่านั้น แต่ยังช่วยสนับสนุนการดูแลสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เมื่อความคิดริเริ่มนี้ได้รับการผลักดัน จะกลายเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่านวัตกรรมจะสามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารโดยตรงได้อย่างไร การส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชอย่างมีความรับผิดชอบจะทำให้เราก้าวไปสู่อนาคตที่ไม่มีใครต้องเผชิญกับความหิวโหย ความพยายามนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความละเอียดอ่อนเท่านั้น แต่เป็นการส่งมอบความหวังและความอุดมสมบูรณ์ให้กับผู้ที่อ่อนแอและควรได้รับการดูแลที่สุดในโลกของเรา
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit