SCL พร้อมเทรดวันแรกใน mai 1 พฤศจิกายนนี้ ชูหุ้นจิ๋วแต่แจ๋ว ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ครบวงจร ที่มีประสบการณ์กว่า 58 ปี และเป็นรายแรกที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดทุน ด้วยจุดเด่นสินค้าอะไหล่รถยนต์ สามารถโตในทุกสภาวะเศรษฐกิจ มีตลาดที่ใหญ่จากจำนวนรถยนต์สะสมในประเทศที่มี 20.5 ล้านคัน และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากรายได้ที่เติบโตอย่างมั่นคง โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เพิ่มศักยภาพในการเติบโตและเสริมแกร่งฐานะการเงิน
ด้านกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่มั่นใจ Lock up หุ้นทั้งหมด 100% มองปี 67 สัญญาณดี ส่วนโบรกฯ ให้ราคาเป้าหมาย SCL สูงสุดที่ 2.64 บาท/หุ้น
นายสกล ตั้งก่อสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจ สินค้าอุตสาหกรรม (INDUS) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "SCL" นับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะบริษัทผู้จัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์รายแรกของประเทศไทยที่เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดทุน และพร้อมขยายการเติบโต ต่อยอดธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ด้วยประสบการณ์กว่า 58 ปีในธุรกิจ SCL ได้รับความไว้วางใจเป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ของอีซูซุ (ISUZU) ตั้งแต่ปี 2512 และได้ขยายการดำเนินธุรกิจรวมถึงเพิ่มชนิดของผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้จำหน่ายอะไหล่รถยนต์ครบวงจร ครอบคลุมผลิตภัณฑ์อะไหล่มากกว่า 167,000 รายการ ทั้งผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ต่างๆ เช่น ISUZU, MITSUBISHI, TOYOTA, HONDA, FUSO, FORD, NISSAN และ CHEVROLET นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ เช่น AISIN, KAYABA, EXEDY, DENSO และ TOKICO
และวันนี้ SCL พร้อมแล้วที่จะนำบริษัทเข้ามาขยายการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดทุน ให้ทุกท่านได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตไปพร้อมกับเรา โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานเพื่อช่วยเสริมสร้างการเติบโต และใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม สำหรับโครงการในอนาคต SCL เตรียมก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ เพื่อรองรับการจัดเก็บสินค้าได้เพิ่มขึ้น 50% จากปัจจุบัน มีศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่ 9 ไร่ หรือ 14,400 ตารางเมตร อยู่ที่ จ.ปทุมธานี รวมทั้ง โอกาสในการต่อยอดธุรกิจ โดยมุ่งเน้นบริหาร Product Mix เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์อะไหล่ทดแทนซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น และการขยายไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์รถเพื่อการเกษตร และยานพาหนะอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้าง S-Curve ในการเติบโต ภายใต้วิสัยทัศน์ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายอะไหล่ยานยนต์ที่ได้มาตรฐานอย่างครบวงจร พร้อมสร้างคุณค่าให้แก่สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ กลุ่มครอบครัวและกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมสมัครใจจะไม่ขายหุ้น Lock up หุ้นทั้งหมด 100% เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในการเติบโต
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า SCL เป็นอีกหุ้นน้องใหม่ที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีประสบการณ์ในฐานะผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์มาเกือบ 6 ทศวรรษ อีกทั้ง เป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ของอะไหล่รถยนต์ ISUZU ซึ่งเป็นผู้นำรถปิคอัพของไทยมาอย่างยาวนาน รวมทั้งอะไหล่รถยนต์จากค่ายรถยนต์ชั้นนำ และอะไหล่รถยนต์ทดแทนที่ได้มาตรฐานอย่างครบวงจร พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก กลุ่มศูนย์บริการรถ (FastFit) กลุ่มบริษัทประกัน และลูกค้าทั่วไปที่ซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมมากกว่า 1,600 รายทั่วประเทศ สะท้อนโอกาสของ SCL ที่พร้อมเติบโตไปพร้อมกับจำนวนรถยนต์สะสมในประเทศซึ่งมีมากกว่า 20.5 ล้านคัน
นอกจากนี้ SCL ยังเป็นธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์รายแรกที่เข้ามาจดทะเบียน ซึ่งเป็นธุรกิจที่การแข่งขันไม่รุนแรง ผู้เล่นใหม่เข้ามาทำตลาดได้ค่อนข้างยาก สร้างความน่าสนใจให้ SCL ในฐานะยักษ์ใหญ่ธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ของไทย รวมทั้ง จุดเด่นของรายได้ที่เติบโตต่อเนื่องจากความต้องการอะไหล่รถยนต์ที่มีต่อเนื่องในทุกสภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยผู้บริโภคต้องรักษาหรือซ่อมแซมรถมากขึ้น จึงมั่นใจว่า SCL จะเป็นหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนในระยะยาวได้
ขณะที่ ในช่วงระยะเวลาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 25 - 27 ตุลาคมที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ และการกำหนดราคา IPO ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.54 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ประมาณ 13.45 เท่า โดยบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำรวม 5 บริษัทหลักทรัพย์ ที่จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ให้มูลค่าเป้าหมายของ SCL ปี 2567 อยู่ที่ 2.30 - 2.64 บาท มองปี 2567
มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่รวมการเติบโตผ่านความร่วมมือและต่อยอดโอกาสกับพาร์ทเนอร์รายใหม่ในกลุ่มยานพาหนะอื่น ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit