"โรคอัมพาตใบหน้า" เป็นโรคทางระบบประสาทที่พบได้บ่อยโรคหนึ่ง พบได้ในทุกเพศทุกวัย เป็นภาวะที่เส้นประสาทใบหน้า (เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7) ที่อยู่ภายใน Stylomastoid foramen สูญเสียการทำงานจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อหรือได้รับบาดเจ็บ เป็นต้น ซึ่งสาเหตุการเกิดโรคยังไม่แน่ชัด แต่มีสมมติฐานว่าโรคอัมพาตใบหน้าเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes Zoster ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเส้นประสาทใบหน้าหดเกร็ง บวมน้ำ ถูกกดทับ หรืออาจเกิดจากเยื่อหุ้มกระดูกใน Stylomastoid foramen อักเสบ ทำให้เส้นประสาทใบหน้าถูกกดทับ การไหลเวียนของเลือดติดขัดส่งผลให้เส้นประสาทใบหน้าอักเสบ พยาธิสภาพของโรคนี้คือ เส้นประสาทใบหน้าบวมน้ำ มีการหลุดลอกของ Myelin sheath และในระยะท้ายเกิดการเสื่อมของ Axon
ในมุมมองศาสตร์การแพทย์แผนจีน โรคอัมพาตใบหน้าจัดอยู่ในโรค "เมี่ยนทาน (??)"
อาการของโรค (????)
โรคอัมพาตใบหน้า มักเกิดที่ใบหน้าเพียงข้างเดียว พบอาการมุมปากเบี้ยวและตาปิดไม่สนิทเป็นอาการหลัก ประกอบกับรอยย่นที่หน้าผากและร่องแก้มหายไป ยักคิ้วหรือขมวดคิ้วไม่ได้ เคี้ยวอาหารหรือดื่มน้ำได้ลำบาก ผิวปากหรือทำแก้มป่องไม่ได้เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณมุมปากไม่สามารถหดตัวได้ อาจมีอาการตาแห้ง น้ำลายแห้ง การรับรสชาติอาหารลดลง มีความไวต่อเสียง หรือเจ็บบริเวณหูร่วมด้วย ในกรณีที่ติดเชื้อไวรัส Herpes Zoster จะเกิดตุ่มน้ำใสบริเวณหูและใบหน้า หรืออาจมีอาการเวียนศีรษะร่วมด้วย
ระยะการเกิดโรค แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
สาเหตุของโรค (????)
ผู้ป่วยมักมีประวัติทำงานหนักมากไป ร่างกายอ่อนแออยู่ในภาวะพร่อง เมื่อโดนลมประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลมเย็น ลมร้อน ลมชื้น หรือลมเสมหะกระทบที่ใบหน้า ทำให้ชี่และเลือดอุดกั้นที่เส้นลมปราณลั่ว เมื่อเส้นลมปราณลั่วติดขัด จึงส่งผลให้การทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าผิดปกติ กล้ามเนื้อใบหน้าไม่สามารถหย่อนและหดตัวได้ เป็นเหตุให้เกิดโรคหน้าเบี้ยว
การวินิจฉัยแยกกลุ่มอาการ (????)
แนวทางการรักษา
ใช้การฝังเข็มเพื่อขจัดลม ทะลวงเส้นลมปราณลั่ว เพิ่มภูมิต้านทานและกระตุ้นการไหลเวียนเลือดเป็นหลัก การรักษาโรคอัมพาตใบหน้าด้วยการฝังเข็มจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับตัวผู้ป่วย อีกทั้งการฝังเข็มยังเป็นการลดระยะเวลาการฟื้นฟู ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใบหน้า ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณใบหน้าส่วนที่เป็นอัมพาต อีกทั้งยังสามารถเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายได้อีกด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit