SABINA มองมุมบวกขึ้นค่าแรง เชื่อผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มหนุนยอดขาย พร้อมชูจุดเด่น "อัตรากำไรสุทธิ" เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

10 Jul 2023

SABINA ประเมินยอดขายครึ่งปีแรกยังเป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมเดินหน้ารักษาการเติบโตของ "อัตรากำไรสุทธิ" (Net Profit Margin) อย่างต่อเนื่อง มองมุมบวกประเด็นขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เชื่อผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น สนับสนุนยอดขาย เล็งแผนกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มหลังค่าแรงใหม่มีผลบังคับใช้ เผยรับมือต้นทุนเพิ่มด้วยการใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ เน้นนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัย ระบุครึ่งปีหลังเตรียมออกสินค้าใหม่ในกลุ่มสินค้ายั่งยืน พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมสร้างสีสันในตลาดต่างประเทศ หลังเข้าลงทุนในฟิลิปปินส์

SABINA มองมุมบวกขึ้นค่าแรง เชื่อผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มหนุนยอดขาย พร้อมชูจุดเด่น "อัตรากำไรสุทธิ" เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ "ซาบีน่า" เปิดเผยว่า ยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ โดยพบว่า ยอดขายในช่องทางค้าปลีก (Retail) ผ่านเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าและซาบีน่า ช็อป นั้น เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติในห้างค้าปลีก เช่นเดียวกับยอดขายในช่องทางออนไลน์ (NSR - Non Store Retailing) ที่เพิ่มขึ้นในช่องทางขายผ่านทีวี ขณะที่ยอดขายในช่องทางรับผลิต (OEM) ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 10% ของช่องทางขายทั้งหมดนั้น ทิศทางยังสอดคล้องกับสถานการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในยุโรป

"เรายังติดตามยอดขายจากช่องทางต่างๆ อย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์ในแต่ละช่องทางขายให้เหมาะสมกับภาพรวมในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งจากห้างค้าปลีก หรือช่องทางออนไลน์ทางทีวี รวมถึงช่องทางรับจ้างผลิตที่ชะลอตัว ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปรับลดลงบ้าง แต่เป้าหมายหลักของเราอยู่ที่การทำให้ "อัตรากำไรสุทธิ" หรือ Net Profit Margin (NPM) ซึ่งสะท้อนความสามารถในการทำกำไร เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรายังทำตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากช่วงก่อนเกิดโควิดในปี 2562 ที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 12% ล่าสุดในไตรมาสแรกของปี 2566 อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 13.4% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งตอบโจทย์การสร้างกำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของ SABINA ได้เป็นอย่างดี" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว

สำหรับประเด็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่หลายฝ่ายมีความกังวลนั้น SABINA มีมุมมองเชิงบวก เนื่องจากการปรับค่าแรงจะทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังซื้อ ขณะเดียวกัน SABINA อยู่ในธุรกิจรีเทล ซึ่งได้รับผลบวกทางตรงจากการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ดังนั้น บริษัทฯ อาจจะต้องเตรียมแผนกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติมเมื่อการปรับค่าแรงขั้นต่ำมีผลบังคับใช้ ส่วนกรณีที่มีการประเมินว่า ต้นทุนของบริษัทฯ จะสูงขึ้นจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ปี 2565 ด้วยการลงทุนด้านเครื่องจักรที่มีความทันสมัย โดยในปี 2566 วางแผนใช้งบประมาณในส่วนนี้ราว 50 ล้านบาท จากเดิมที่ใช้งบประมาณเพียงแค่ 10-20 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกัน ปัจจุบัน จำนวนพนักงานของบริษัทฯ ลดลงราว 1 พันคน ซึ่งเป็นผลจากช่วงโควิด-19 ที่พนักงานบางส่วนตัดสินใจออกจากระบบแรงงาน ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายด้านแรงงานลดลงอย่างต่อเนื่อง

"เรื่องการขึ้นค่าแรง ถ้ามองปัจจัยบวก คือ เราอยู่ในธุรกิจรีเทล ดังนั้น ปัจจัยบวกสำหรับเรื่องนี้คือ ยอดขายอาจจะสูงขึ้น เพราะคนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น จับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะเราใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพขึ้น ใช้นวัตกรรมการผลิต และสามารถปรับขึ้นราคาสินค้าในบางเซกเมนต์ได้ ซึ่งก็จะทำให้เรายังสามารถรักษาการเติบโตของอัตรากำไรสุทธิไว้ได้" นางสาวดวงดาวกล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวด้วยว่า สำหรับช่วงครึ่งหลังของปีนี้ SABINA มีแผนที่จะออกสินค้าใหม่ในกลุ่มสินค้ายั่งยืน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นสินค้าในอิงเทรนด์รักษ์โลกและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน ในไตรมาสที่ 3 จะเริ่มมีกิจกรรมและอีเว้นท์ในประเทศฟิลิปปินส์ หลังจากบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนใน Moda SBN ในฟิลิปปินส์ ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีก และเป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor) สินค้าแบรนด์ "ซาบีน่า" ในประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยการเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 77% ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ตามสัดส่วนเต็มไตรมาสในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทำให้ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะเป็นช่วงที่กิจกรรมต่างๆ คึกคักขึ้นและมีสีสันมากยิ่งขึ้น

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit