บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท สะท้อนพื้นฐานธุรกิจมั่นคงและกระแสเงินสดแข็งแกร่ง และตอกย้ำนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ให้ความสำคัญกับนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,711 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราเทียบเท่ากับเงินปันผลระหว่างกาลในปีที่ผ่านมา โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 15 กันยายน 2566 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 กันยายน 2566
ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราดังกล่าวมาจากผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 โดยเอ็กโก กรุ๊ป มีรายได้รวม 30,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% และมีกำไรสุทธิจำนวน 3,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวมครึ่งปีแรก เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงสามารถบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าและต้นทุนเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าทุกแห่งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งความสามารถในการบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงาน ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้
สำหรับการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ ๆ ที่จะมีการลงทุนเพิ่มเติม และโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว รวมถึงการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าไรเซ็ก ในสหรัฐอเมริกา และโครงการโรงไฟฟ้าหยุนหลิน ในไต้หวัน ที่สามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าจากใบพัดกังหันแล้วเสร็จ รวมทั้งโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (TPN) ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 เป็นต้นไป
"เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงยึดมั่นในนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ในฐานะหุ้นปันผล (Dividend Stock) ที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง บนรากฐานการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่แข็งแกร่งมากว่า 31 ปี บริษัทมุ่งมั่นต่อยอดสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่สอดคล้องกับ การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน โดยตั้งเป้าหมายบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 (2593) เพื่อร่วมขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน" นายเทพรัตน์ กล่าวสรุป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit