ลอนจี (LONGi) บริษัทเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำของโลก ได้แถลงว่า ทางบริษัทฯ ได้รับการรับรองจากโครงการริเริ่มเป้าหมายที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative หรือ SBTi) เกี่ยวกับเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ทำให้ลอนจีกลายเป็นหนึ่งในมากกว่า 4,600 บริษัททั่วโลกที่เข้าร่วมโครงการ SBTi และมีเป้าหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ ยังเป็นบริษัทเซลล์แสงอาทิตย์แห่งแรกของจีนที่ได้รับการรับรองดังกล่าวอย่างเป็นทางการด้วย
SBTi เป็นความร่วมมือระหว่างองค์กรซีดีพี (CDP) ข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UNGC) สถาบันทรัพยากรโลก (WRI) และองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) โดยคำเชิญชวนจาก SBTi เป็นหนึ่งในพันธสัญญาแนวร่วมวีมีนบิสเนส (We Mean Business Coalition) และเป็นพลังในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศในภาคเอกชน โดยช่วยให้องค์กรต่าง ๆ กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามหลักวิทยาศาสตร์ เน้นย้ำถึงความสามารถในการแข่งขันของบริษัทต่าง ๆ และความรับผิดชอบในแง่ของการพัฒนาที่ยั่งยืนรวมถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) อีกด้วย
อนึ่ง ลอนจีได้เข้าร่วมโครงการ SBTi อย่างเป็นทางการ และให้คำมั่นในการกำหนดเป้าหมายระยะสั้นเมื่อปี 2563 พร้อมเปิดตัวรายงานด้านสภาพอากาศในปี 2564 โดยสรุปเป้าหมายของบริษัทฯ ที่สอดคล้องกับ SBTi ซึ่งกำหนดให้บริษัทฯ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในขอบเขตการดำเนินงานลง 60% จากระดับปี 2563 ภายในปี 2573 ขณะเดียวกัน ก็สามารถลดการปล่อยคาร์บอนของวัสดุซิลิคอน เซลล์ และแก้วลงขั้นต่ำ 20% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยในปีนี้ เป้าหมายระยะสั้นของลอนจีได้รับการรับรองจาก SBTi ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียสในข้อตกลงปารีส
เมื่อปี 2563 ลอนจียังได้เข้าร่วมโครงการริเริ่ม RE100, EP100, EV100 และการได้เข้าร่วมโครงการ SBTi ส่งผลให้ลอนจี กลายเป็นบริษัทจีนแห่งแรกที่เข้าร่วมโครงการริเริ่มระดับโลกครบทั้ง 4 โครงการ นับตั้งแต่ปี 2555 ถึง 2565 บริษัทฯ และส่งมอบผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์ไปเรียบร้อย รวมทั้งสิ้น 290 กิกะวัตต์ ซึ่งผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดได้มากกว่า 1.14 แสนล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง โดยเมื่อคำนวณโดยใช้ปัจจัยการปล่อยก๊าซขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) แล้ว ลอนจีสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 536 ล้านตัน เทียบเท่ากับ 1.46% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในปี 2565 ทั่วโลก
คุณทาลิสมัน ฮัว (Talisman Huo) ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการจัดการแบรนด์ของลอนจี กล่าวว่า "การรับรองจากโครงการ SBTi สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์กรจนกลายเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และช่วยให้เราสานต่อการลดการปล่อยก๊าซในห่วงโซ่คุณค่าอย่างครอบคลุมต่อไปจนถึงปี 2573 ลอนจีหวังที่จะร่วมมือกับพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่ยุคพลังงานที่ยั่งยืน และส่งเสริมให้มนุษยชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน"
จากการอ้างอิงในรายงานพิเศษของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการควบคุมไม่ให้โลกร้อนเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ภายในช่วงกลางศตวรรษที่ผ่านมา ลอนจี ในฐานะผู้นำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงระดับโลกในภาคพลังงานหมุนเวียน อย่างยั่งยืน ซึ่งได้รับความไว้วางใจและการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกอย่างกว้างขวาง ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีที่ยั่งยืน สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่สามารถแข่งขันได้ ด้วยการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา และบรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงพลังงานทั่วโลกในท้ายที่สุด
เกี่ยวกับลอนจี
ลอนจี (LONGi) ก่อตั้งขึ้นในปี 2543 โดยมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นบริษัทเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำระดับโลก ลอนจีมุ่งเน้นไปที่การสร้างคุณค่าโดยมีความต้องการของลูกค้าเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างเต็มรูปแบบ
พันธกิจของลอนจีคือ "การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างโลกสีเขียว" บริษัทอุทิศตนเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี โดยได้ก่อตั้งธุรกิจขึ้นมาห้าภาคส่วน ประกอบด้วยเซลล์และโมดูลเวเฟอร์โมโนคริสตัลไลน์ซิลิคอน โซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์แบบกระจายศูนย์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม โซลูชันพลังงานสีเขียว และอุปกรณ์ไฮโดรเจน ทั้งนี้ บริษัทได้ขยายขีดความสามารถในการจัดหาพลังงานสีเขียวอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้นำโซลูชันและผลิตภัณฑ์ไฮโดรเจนสีเขียวมาประยุกต์ใช้เพื่อสนับสนุนเป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์ทั่วโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.longi.com/en
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2193280/image_821075_30969412.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2193281/1.jpg
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit