ลอรีอัล กรุ๊ป ตอกย้ำความเป็นผู้นำของโลกในตลาดความงาม เผยผลการดำเนินงานประจำปี 2565 เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ลอรีอัล กรุ๊ป ตอกย้ำความเป็นผู้นำของโลกในตลาดความงาม เผยผลการดำเนินงานประจำปี เวลาเดียวกัน565 เพิ่มขึ้น ลอรีอัล กรุ๊ปและสิ่งแวดล้อม.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว การสนับสนุนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมหนักแน่นยิ่งขึ้น

ลอรีอัล กรุ๊ป ตอกย้ำความเป็นผู้นำของโลกในตลาดความงาม เผยผลการดำเนินงานประจำปี 2565 เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
  • ยอดขาย 3.826 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้น 18.5% ตามตัวเลขรายงาน เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว1 และเพิ่มขึ้น 23.4% เมื่อเทียบกับปี 2562
  • ปริมาณและมูลค่าขยายตัวขึ้นอย่างสมดุล ยอดขายในช่องทางอีคอมเมิร์ซอยู่ที่ 28%
  • แผนการถือครองหุ้นของพนักงานฉบับที่ 3 เปิดตัวสำเร็จในประเทศต่าง ๆ กว่า 60 ประเทศ
  • ลอรีอัลเพื่อเยาวชน สร้างโอกาสในการทำงาน 25,000 ตำแหน่งต่อปีสำหรับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 30 ปี
  • กองทุนลอรีอัลเพื่อสตรี ได้จัดสรรงบ 30.8 ล้านยูโรเพื่อสนับสนุนผู้หญิงกว่า 1.2 ล้านคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบางทั่วโลก
  • โครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม เป็นประโยชน์กับพนักงานจำนวน 85,000 คนจากชุมชนที่ถูกเลือกปฏิบัติ
  • ผู้นำด้านความยั่งยืน ลอรีอัลเป็นบริษัทเดียวในโลกที่ได้รับการจัดอันดับ 'AAA' จากซีดีพี (CDP) เป็นเวลา 7 ปีซ้อน ได้รับเหรียญแพลทินัมจากอีโควาดิส (EcoVadis) ซึ่งจัดอันดับให้ลอรีอัลติดอันดับบริษัทที่ยอดเยี่ยมที่สุด 1% ของโลกในแง่ผลการดำเนินงานทางสิ่งแวดล้อมและสังคม
  • ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีจริยธรรมสูงสุดของโลกเป็นปีที่ 13 จากเอธิสเฟียร์ (Ethisphere)

นายนิโคลา ฮิโรนิมุส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวถึงตัวเลขผลประกอบการดังกล่าวว่า "เราประสบความสำเร็จในเรื่องผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปีนี้ได้ เพราะความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของเรา รวมทั้งการที่แบรนด์ต่างๆ ล้วนเป็นที่ต้องการ การดำเนินงานที่คล่องตัว และความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ของทีมงานเรา การขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 นั้น ขยายตัวได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นในแต่ละไตรมาส และสามารถเติบโตได้ 23% ตลอดทั้งปี การขยายตัวอย่างสมดุลของเราทั้งในแผนกและภูมิภาคต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันของโมเดลแบบหลายขั้วของเรา ทั้งการรวมศูนย์ในด้านกลยุทธ์และกระจายอำนาจในด้านการดำเนินงานภายใต้กรอบความคิดแบบผู้ประกอบการที่แข็งแกร่ง ทำให้โมเดลนี้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากปี 2565 และสามารถตอกย้ำจุดยืนในฐานะบริษัทความงามชั้นนำของโลก ผลการดำเนินงานที่มีคุณภาพสูงเหล่านี้ทำให้เราสามารถสนับสนุนพันธกิจทางสังคม และสิ่งแวดล้อมของเราได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสอดคล้องกับความทะเยอทะยานแบบคู่ขนานทั้งด้านการดำเนินงานทางเศรษฐกิจและธุรกิจของเรา แม้ว่า บริษัทจะตระหนักถึงความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่เรายังคงมีความทะเยอทะยานเพื่ออนาคต มีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มตลาดความงาม และเชื่อมั่นในความสามารถที่จะสร้างผลงานที่โดดเด่นเหนือตลาดต่อไป รวมทั้งการเพิ่มยอดขายและกำไรในปี 2566" ลอรีอัล กรุ๊ป ตอกย้ำความเป็นผู้นำของโลกในตลาดความงาม เผยผลการดำเนินงานประจำปี 2565 เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ยอดขายในปี 2565

ยอดขายมีมูลค่ารวม 3.826 หมื่นล้านยูโร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 พุ่งขึ้น 18.5% ตามตัวเลขรายงาน และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอิงตามขอบเขตงบรวมที่สามารถเทียบได้ และอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมือนกัน ยอดขายของลอรีอัล กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 10.9%

สรุปผลการดำเนินงานตามแผนก

ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ

แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 18.3% ตามตัวเลขรายงาน

แผนกธุรกิจนี้สามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบทบาทของตัวเองในตลาดความงามสำหรับมืออาชีพ โดยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค ขณะที่ผลการดำเนินงานก็มีความโดดเด่นในประเทศจีน อินเดีย และบราซิล แผนกยังมีผลการดำเนินงานที่ดีในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายทุกช่องทาง ทั้งซาลอน เครือข่ายซาลอนเซ็นทริก (SalonCentric) ในสหรัฐ และช่องทางอีคอมเมิร์ซ ซึ่งถือเป็นการยืนยันความสำเร็จของกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายอีกครั้ง

การเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับพรีเมียมได้รับแรงขับเคลื่อนจากผลการดำเนินงานของเคราสตาส (Kerastase) ซึ่งสามารถทำยอดขายได้สูงกว่า 1 พันล้านยูโรเป็นครั้งแรก และซีรี เอ็กซ์เพิร์ธ (Serie Expert) โดย ลอรีอัล โปรเฟสชันแนล (L'Oreal Professionnel) เนื่องจากความสำเร็จของนวัตกรรมเมทัล ดีท็อกซ์ (Metal Detox) แผนกนี้ยังประสบความสำเร็จกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม ด้วยไลน์สินค้าระดับไอคอน เช่น เชดส์ อีคิว (Shades EQ) โดยเรดเคน (Redken) และไอนัว (Inoa) โดยลอรีอัล โปรเฟสชันแนล (L'Oreal Professionnel)

ในฐานะผู้นำในวงการ แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพยังคงมีส่วนร่วมกับแฮร์สไตลิสต์ทั้งหมดที่เป็นพันธมิตรของเราในช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืนด้วยการเปิดตัวโครงการ "แฮร์สไตลิสต์เพื่ออนาคต"

ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค

แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคเติบโตมากที่สุดในรอบ 20 ปี: เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 14.6% ตามตัวเลขรายงาน

การเติบโตของแผนกนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยการคิดค้นนวัตกรรม และการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้อย่างเหมาะสมโดยปราศจากการสูญเสียในแง่ของปริมาณ แบรนด์ชั้นนำทุกแบรนด์สามารถทำผลงานได้เหนือตลาดเนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ประสบความสำเร็จในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ แผนกธุรกิจนี้ยังสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในส่วนของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม โดยเอลวีฟ ไฮยาลูรอน พลัมพ์ (Elvive Hyaluron Plump) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยืนยันถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นทั่วโลก เมคอัพเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็วที่สุดของแผนก ด้วยความสำเร็จของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายผลิตภัณฑ์ เช่น ซูเปอร์สเตย์ ไวนิล อิงค์ (Superstay Vinyl Ink) โดยเมย์เบลลีน นิวยอร์ก ลิปสติกเนื้อลิควิดที่ให้ความวาวและติดทนนานตัวแรก ในส่วนของผลิตภัณฑ์สกินแคร์นั้น การ์นิเย่ (Garnier) เป็นแบรนด์ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตได้มากที่สุดของแผนกนี้ โดยวิตามิน ซี ไบรเทรนิ่ง เซรั่ม (Vitamin C Brightening Serum) ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น อเมริกาเหนือและยุโรปก็มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน ละตินอเมริกา และ SAPMENA-SSA[1] ก็ขยายตัวรวดเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในประเทศที่มีศักยภาพสูง เช่น เม็กซิโก อินเดีย และบราซิล ความสำเร็จเหล่านี้ช่วยชดเชยสถานการณ์ตลาดที่ท้าทายในจีน ซึ่งแผนกธุรกิจนี้ในจีนมีส่วนแบ่งตลาดที่ขยายตัวเร็วขึ้นในไตรมาส 4

ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง

ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงมีการเติบโตที่แข็งแกร่งที่ระดับ 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 18.6% ตามตัวเลขรายงาน โดยโดดเด่นเหนือกว่าตลาดความงามชั้นสูงทั่วโลกที่คึกคักขึ้นอีกครั้งในปีนี้

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงได้ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์น้ำหอม ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาดที่มีลูกค้าที่ช่างเลือกสรร ผลการดำเนินงานนี้ได้แรงขับเคลื่อนจากผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดทั่วโลก เช่น ลิเบรอ (Libre) โดยอีฟส์ แซงต์ โลรองต์ (Yves Saint Laurent), ลา วี เอ แบลล์โดยลังโคม (La Vie Est Belle by Lancome) และแอควา ดิ จีโอ (Acqua di Gio) โดยอาร์มานี (Armani) รวมทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เริ่มต้นได้อย่างน่าประทับใจ เช่น พราด้า พาราด๊อกซ์ (Prada Parodoxe) ในส่วนของสกินแคร์ แผนกธุรกิจนี้เติบโตเร็วกว่าตลาดถึง 3 เท่าจากกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียมพิเศษ โดยมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและนวัตกรรมที่ทันสมัย เช่น เรเนอร์จี เอช.ซี.เอฟ.ทริปเปิล เซรั่ม (Renergie H.C.F Triple Serum) ของลังโคม และความสำเร็จของการซื้อกิจการล่าสุด ซึ่งรวมถึงแบรนด์ทาคามิ (Takami) ของญี่ปุ่น แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงยังมีการเติบโตในส่วนของผลิตภัณฑ์เมคอัพซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการใหม่ๆ ของอีฟส์ แซงต์ โลรองต์

แต่ท่ามกลางสภาพตลาดที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่ตลาดจีนชะลอตัวลงอย่างมากนั้น แผนกธุรกิจนี้ก็ยังสามารถยืนหยัดการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ได้ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดโลกได้ตั้งแต่ปี 2562 แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงยังเติบโตควบคู่ไปกับตลาดในยุโรป และสามารถขยายตัวได้อย่างมีนัยสำคัญในเอเชียเหนือ

ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง

แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางปิดท้ายปีด้วยการเติบโตอย่างโดดเด่นที่ 21.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และเพิ่มขึ้น 30.6% ตามตัวเลขรายงาน

แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโมเดลการดำเนินการที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคำแนะนำ และเติบโตเร็วถึงสองเท่าของตลาดเวชสำอาง ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่สั่งจ่ายโดยแพทย์ แผนกนี้ยังเติบโตในอัตราเลขสองหลักในทุกภูมิภาค และมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในอเมริกาเหนือ, SAPMENA-SSA และจีน ซึ่งลาโรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) และเซราวี (CeraVe) ยังคงมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของแผนกธุรกิจนี้ในสัดส่วนเท่าๆ กัน ขณะที่ลาโรช-โพเซย์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดของแผนก ยังมีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์อย่างซิคาพลาสต์ (Cicaplast) และเอฟฟาแคลร์ (Effaclar) และจากความสำเร็จของยูวีมูน 400 (UVMune 400) นวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาใหม่เพื่อป้องกันแสงแดด เซราวียังคงขยายตัวในระดับนานาชาติ โดยสามารถเติบโตได้เป็นพิเศษทั้งในสหรัฐและภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก ขณะที่วิชี่ (Vichy) ก็สามารถรักษาอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องไว้ได้ด้วยเดอร์คอส (Dercos) และแคปิตอล โซเลย ยูวี (Capital Soleil UV) ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดงที่ใช้ได้ทั้งตามฤดูกาลและในชีวิตประจำวัน

สรุปตามภูมิภาค

SAPMENA - SSA เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และแอฟริกาใต้ซาฮารา

ภูมิภาคนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 22.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 28.1% ตามตัวเลขรายงาน

ในภูมิภาค SAPMENA ลอรีอัล กรุ๊ป เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกตลาด แม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายในการจัดหาวัตถุดิบ การที่ผู้บริโภคกลับไปซื้อสินค้าที่ร้านค้าช่วยให้ให้ลอรีอัลสามารถทำยอดขายได้สูงขึ้นอย่างมหาศาลในช่องทางร้านค้าปลีก ส่วนในแปซิฟิกนั้น การขยายตัวได้รับแรงขับเคลื่อนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม และสกินแคร์ โดยเฉพาะการขยายตัวของลาโรช โพเซย์ และเซราวี ขณะที่เมคอัพของเมย์เบลลีน นิวยอร์ก และสกินแคร์ การ์นิเย่ ต่างก็เป็นแบรนด์ที่กระตุ้นให้เกิดความก้าวหน้าได้ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเติบโตเป็นพิเศษในอินเดียก็ได้รับแรงกระตุ้นจากความสำเร็จของแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคในสินค้าทุกกลุ่ม ขณะที่ประเทศในแถบอ่าวก็ยังมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮารา (SSA) ลอรีอัลมีผลการดำเนินงานที่เหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญ เพราะการพัฒนาของทุกแผนก โดยแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางนั้นเติบโตเป็นพิเศษ หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการเปิดตัวเซราวีในภูมิภาคนี้

ยุโรป

มีอัตราการเติบโตที่ 11.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 12.3% ตามตัวเลขรายงาน

อเมริกาเหนือ

ภูมิภาคนี้ปิดท้ายปีด้วยอัตราการเติบโต 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และเพิ่มขึ้น 24.6% ตามตัวเลขรายงาน และมียอดขายแตะหลัก 1 หมื่นล้านยูโร

เอเชียเหนือ

ภูมิภาคนี้เติบโต 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 14.8% ตามตัวเลขรายงาน นอกจากนี้ โรงงานทุกแห่งของลอรีอัลในเอเชียเหนือยังได้รับสถานะ "ความเป็นกลางทางคาร์บอน"[2] ในปี 2565

ละติน อเมริกา

ภูมิภาคนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 18.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 34.1% ตามตัวเลขรายงาน

การดำเนินงานและความสำเร็จที่โดดเด่นล่าสุด

การวิจัย, บิวตี้ เทค และดิจิทัล

  • เมื่อเดือนมกราคม ลอรีอัลได้เปิดตัวเทคโนโลยีความงามใหม่ที่คว้ารางวัลด้านนวัตกรรมจากงาน CES(R) 2023 จำนวน 2 เทคโนโลยี โดยเทคโนโลยีแรกคือ แฮปตา (HAPTA) อุปกรณ์สำหรับลงเมคอัพด้วยระบบคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหวมือและแขน และลอรีอัล บราว เมจิก (L'Oreal Brow Magic) อุปกรณ์ตกแต่งคิ้วระบบอิเล็กทรอนิกที่ใช้ในบ้านตัวแรก ทั้งนี้ ลอรีอัล บราว เมจิก เป็นผลงานจากความร่วมมือเป็นเวลานานกับพริงค์เกอร์ โคเรีย อิงค์ (Prinker Korea Inc) สตาร์ทอัพด้านการพิมพ์ระดับไมโคร ซึ่งกองทุนร่วมลงทุน บีโอแอลดี (BDLA - Business Opportunities for L'Oreal Development) ได้เข้าถือหุ้นส่วนน้อย
  • ในเดือนพฤศจิกายน ลอรีอัล คัลเลอร์โซนิก (L'Oreal Colorsonic) ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดประจำปี 2565 ของนิตยสาร์ไทม์ในสาขาบิวตี้ เทค อุปกรณ์ขนาดพกพาน้ำหนักเบาชิ้นนี้ใช้ขั้นตอนจากนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกในระหว่างที่ผสมสีเพื่อเปลี่ยนสีผม และสามารถทาลงบนเส้นผมในปริมาณที่เท่าๆ กันได้ จึงให้ผลลัพธ์สีที่สม่ำเสมอสำหรับลูกค้าที่ใช้งานในบ้าน
  • เพื่อส่งเสริมคุณลักษณะที่แท้จริง การยอมรับในความหลากหลาย และความคิดสร้างสรรค์เพื่อการแสดงออกซึ่งตัวตนในเมตาเวิร์ส ลอรีอัลได้เปิดตัวลุคความงามแบบเสมือนจริงเมื่อเดือนพฤศจิกายนด้วยการเป็นพันธมิตรด้านความงามกับหลากหลายแบรนด์เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์กับเรดี้ เพลเยอร์มี (Ready Player Me) แพลตฟอร์มสร้าง
  • อวทาร์สำหรับเกมชั้นนำต่างๆ โดยเมย์เบลลีน นิวยอร์ก และลอรีอัล โปรเฟสชันแนลส่งเมคอัพ และสไตล์ผมสุดพิเศษเพื่อสร้างสรรค์อวทาร์ที่สามารถนำไปใช้บนแพลตฟอร์ม และแอปต่างๆ ได้มากกว่า 4,000 แอปทั่วโลก
  • ในเดือนมกราคม กองทุนร่วมลงทุน BOLD ลงทุนส่วนน้อยในดิจิทัล วิลเลจ (Digital Village) สตาร์ทอัพที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการในเมตาเวิร์ส และตลาดซื้อขายเอ็นเอฟที (NFT) สำหรับแบรนด์ ครีเอเตอร์ และชุมชนต่างๆ
  • ลอรีอัล และไมโครฟิต (Microphyt) ไบโอเทคของฝรั่งเศสได้ประกาศการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยในเดือนพฤศจิกายน กองทุนร่วมลงทุน BOLD เข้าซื้อหุ้นส่วนน้อยในไมโครฟิต การเป็นพันธมิตรครั้งนี้ถือเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่เป็นบทพิสูจน์แผนกลยุทธ์ด้านการวิจัยและนวัตกรรมของลอรีอัลที่มุ่งสู่วิทยาศาสตร์สีเขียวผ่านการลงทุนในสตาร์ทอัพไบโอเทคที่มุ่งเน้นนวัตกรรม

ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม, สังคม และการบริหาร

  • ลอรีอัลเป็นบริษัทเดียวในโลกที่ได้รับสกอร์ 'AAA' จากซีดีพี ในด้านความเป็นผู้นำเรื่องความโปร่งใสขององค์กร และผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมมาเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน ด้วยความมุ่งมั่นของบริษัทในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการดำเนินการเพื่อปกป้องผืนป่า และความมั่นคงของแหล่งน้ำ
  • ในเดือนธันวาคม โรงงานทั้งหมดในบราซิลของลอรีอัลได้รับสถานะ "ความเป็นกลางทางคาร์บอน"3 (สำนักงานใหญ่ศูนย์วิจัยและนวัตกรรม โรงงาน และศูนย์กระจายสินค้า) ก่อนกำหนดที่วางไว้ 3 ปีสำหรับเป้าหมายลอรีอัลเพื่ออนาคต
  • ลอรีอัลติดอันดับดัชนีความเท่าเทียมทางเพศของบลูมเบิร์ก (Bloomberg Gender-Equality Index หรือ GEI) มาเป็นเวลา 6 ปีติดต่อกันแล้ว เนื่องจากประสบความสำเร็จในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยอมรับความหลากหลาย และความเท่าเทียม โดยลอรีอัลเป็นหนึ่งในบริษัท 484 แห่งใน 45 ประเทศและภูมิภาคที่เป็นส่วนหนึ่งของดัชนีประจำปี 2566
  • ในเดือนพฤศจิกายน ลอรีอัลได้รับการยอมรับอีกครั้งกับการเป็นนายจ้างระดับชั้นนำ โดยคว้าอันดับ 5 จากการจัดอันดับบริษัทที่เป็นที่ชื่นชอบทั่วโลกของนักศึกษาด้านธุรกิจโดยยูนิเวอร์ซัม (Universum) ส่งผลให้ลอรีอัลเป็นบริษัทอันดับหนึ่งของยุโรป
  • ในเดือนธันวาคม ลอรีอัลได้รับรางวัลสูงสุดสำหรับความสัมพันธ์ผู้ถือหุ้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในดัชนีซีเอซี 40 (CAC 40) จากนิตยสารเลอ เรเวอนู (Le Revenu) ซึ่งจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนโดยอิงตามคุณภาพความสัมพันธ์กับนักลงทุนรายบุคคล

เกี่ยวกับลอรีอัล กรุ๊ป

ลอรีอัล กรุ๊ป ในฐานะองค์กรด้านความงามชั้นนำของโลก ทุ่มเทในธุรกิจความงามมายาวนานกว่า 110 ปี เพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาด้านความงามของผู้คนทั่วโลก ภายใต้เป้าหมายในการสร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้ ลอรีอัลกำหนดทิศทางและมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้านความงามที่ครอบคลุม มีจริยธรรม สร้างความยั่งยืนให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งประกอบด้วย 35 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก และพันธสัญญาเพื่อความยั่งยืนอย่าง L'Oreal for the Future ลอรีอัลมุ่งมั่นมอบสิ่งที่ดีที่สุดด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความงามอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้คน

ลอรีอัล กรุ๊ป มียอดขายผลิตภัณฑ์ 3.228 หมื่นล้านยูโรในปี 2564 มีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายผ่านทุกช่องทาง ครอบคลุมถึงอีคอมเมิร์ซ ตลาดทั่วไป ห้างสรรพสินค้า เภสัชกรรมและร้านขายยา ซาลอน ร้านค้าปลีก และร้านค้าในสนามบิน และมีพนักงาน 85,400 คนทั่วโลก ลอรีอัลยึดมั่นในกลยุทธ์ที่สำคัญขององค์กรในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องโดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 20 แห่งใน 11 ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วยทีมงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมมากกว่า 4,000 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีกว่า 3,000 คน คิดค้นและพัฒนาความงามแห่งอนาคต เพื่อก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ชั้นนำด้าน Beauty Tech ต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.loreal.com/en/mediaroom


ข่าวและสิ่งแวดล้อม+ลอรีอัล กรุ๊ปวันนี้

สเวนเซ่นส์ ชวนคนรักไอศกรีม ร่วมรักษ์โลกต้อนรับ Earth Day ด้วยการนำภาชนะสุดครีเอทมาร่วมทำลายสถิติ ลุ้นรางวัลพิเศษ พร้อมรับโปรฯแรง เฉพาะ 22 เม.ย. 68 วันเดียวเท่านั้น!

ยิ่งใหญ่ยิ่งมีลุ้น! สเวนเซ่นส์ ชวนคนรักไอศกรีม ร่วมรักษ์โลกต้อนรับ Earth Day ด้วยการนำภาชนะสุดครีเอทมาร่วมทำลายสถิติ ลุ้นรางวัลพิเศษ พร้อมรับโปรฯแรง ไอศกรีมเริ่มต้นเพียงสกู๊ปละ 19 บาท เฉพาะ 22 เม.ย. 68 วันเดียวเท่านั้น! สเวนเซ่นส์ แบรนด์ไอศกรีมอันดับ 1 ของประเทศไทย เดินหน้านำเสนอประสบการณ์ความอร่อยควบคู่ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม กลับมาอีกครั้งของแคมเปญไวรัลแห่งปี ต้อนรับวันคุ้มครองโลกหรือ Earth Day ภายใต้แนวคิด สเวนเซ่นส์ รักโลกที่สุดในโลก (Swensen's Earth Day 2025 Love the Earth World

รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ปได้รับตราสัญลักษณ์... รอยัล คลิฟ พัทยา ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม กับการคว้ารางวัล G-Green ระดับดีเยี่ยม — รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ปได้รับตราสัญลักษณ์ G-Green โรงแรมที่เป...

นายประสิทธิ์ เกิดโต รักษาการแทนผู้อำนวยกา... อ.อ.ป. รับเกียรติบัตร "องค์กรพัฒนาคุณธรรม ประจำปี 2567" — นายประสิทธิ์ เกิดโต รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (รษก.ผอ.อ.อ.ป.) เป็นผู้แทนปลัด...

การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ร่วมกับ สำนักง... กปภ. ผนึกกำลัง สอศ. อบรมช่างประปาฟรี สร้างอาชีพให้ประชาชน — การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จัดพิธีเปิดโครงการฝึ...