งานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 23 Money Expo 2023 Bangkok จัดโดย วารสารการเงินธนาคาร วันที่ 11-14 พฤษภาคม 2566 ธนาคาร/สถาบันการเงิน ชูผลิตภัณฑ์การเงินสีเขียว พร้อมแข่งโปรโมชั่นสร้างยอดธุรกรรมออฟไลน์และออนไลน์รวมกว่า 26,000 ล้านบาท โปรฯ ดอกเบี้ย 0% หนุนสินเชื่อบ้าน/รีไฟแนนซ์บ้านพุ่งอันดับ 1 มียอดขอกู้กว่า 13,840 ล้านบาท ผู้ประกอบการขอสินเชื่อเอสเอ็มอี ดอกเบี้ยต่ำกว่า 5,210 ล้านบาท ประชาชนฝากเงิน/ซื้อสลากออมทรัพย์กว่า 1,430 ล้านบาท ลงทุนซื้อประกันชีวิต/ประกันภัย/ประกันสุขภาพ รวมทุนประกัน 1,200 ล้านบาท
นางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วมงานมหกรรมการเงิน Money Expo เปิดเผยว่า งานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 23 Money Expo 2023 Bangkok ซึ่งจัดขึ้นในแนวคิด "Green Finance for Green Living การเงินสีเขียว เพื่อชีวิตสีเขียว" ระหว่างวันที่ 11-14 พฤษภาคม 2566 ณ ชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยมียอดธุรกรรมทางการเงินและการลงทุนทั้งแบบออฟไลน์ที่เดินทางมาใช้บริการในงาน และแบบออนไลน์ที่ทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์ม MoneyExpoOnline รวมกว่า 26,000 ล้านบาท จากผู้สมัครใช้บริการกว่า 40,100 ราย
นางสาวภาคนีกล่าวว่า ธนาคารและสถาบันการเงินได้นำผลิตภัณฑ์การเงินสีเขียว (Green Finance) มาให้บริการในงานสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์การจัดงานในปีนี้ เช่น ธนาคารกรุงไทย เสนอสินเชื่อ Home For Cash รักษ์โลก เพื่อติดตั้งหรือซื้ออุปกรณ์ที่ลดมลภาวะหรือประหยัดพลังงานสำหรับที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 1.99% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 30 ปี
ธนาคารกสิกรไทย เสนอสินเชื่อบ้าน Green Zero เพื่อติดตั้ง Solar Rooftop บนที่อยู่อาศัย วงเงินกู้สูงสุด 90% อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน บริษัท สบาย แคปปิตอล เสนอสินเชื่อติดตั้ง Solar Rooftop สำหรับติดตั้งในบ้านเรือน วงเงินสูงสุด 350,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน
ธนาคารกรุงเทพ เสนอสินเชื่อบ้านบัวหลวง และสินเชื่อบัวหลวงพูนผลกรีน สินเชื่ออเนกประสงค์สำหรับปรับปรุงที่อยู่อาศัยในรูปแบบรักษ์โลก โดยใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมในรูปแบบพลังงานสะอาดหรือพลังงานทดแทน หรือการปรับปรุงที่อยู่อาศัยสำหรับทุกช่วงวัย ให้วงเงินสูงสุด 10 ล้านบาท 100% ของมูลค่าใช้จ่าย สูงสุด 80 - 90% ของราคาประเมินหลักประกัน ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี เมื่อสมัครและลงทะเบียนจองสิทธิในงาน รับอัตราดอกเบี้ยพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ
ธนาคารออมสิน เสนอสินเชื่อ GSB Go Green เพื่อติดตั้งหรือซื้ออุปกรณ์ที่ช่วยลดมลภาวะ เช่น Solar Cell, Solar Rooftop ติดตั้ง EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รถยนต์ไฮบริด รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่ช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน กู้สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ผ่อนชำระไม่เกิน 30 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ต่ำสุด 1.99% ผ่อนต่ำ แสนละ 199 บาทต่อเดือน นาน 3 เดือนแรก กรณีไม่มีหลักประกัน ให้กู้ไม่เกิน 10 เท่าของรายได้ รวมสูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท กู้ไม่เกิน 7 ปี ดอกเบี้ยคงที่ต่ำสุด 7.99% ผ่อนค่างวดต่ำแสนละ 799 บาท นาน 3 เดือนแรก
โดยมีบริษัทผู้ติดตั้ง Solar Rooftop เป็นพันธมิตรของธนาคารมาให้บริการในงานด้วย เช่น บริษัท เจจีเอส ซินเนอรจี พาวเวอร์ จำกัด นำเสนอ Solar Rooftop Package แพ็กเกจระบบโซลาร์รูฟพร้อมติดตั้ง เริ่มต้น 109,000 บาท โดยสามารถผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตของ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย หรือผ่อนชำระกับ บมจ.เอสจี แคปปิตอล และบัตรกดเงินสด kashjoy, บริษัท เค.จี.คอร์ปอเรชั่น จำกัด นำเสนอระบบโซลาร์ด้วยนวัตกรรม Micro Investor หรือระบบ Solar+Battery สำหรับใช้งานตอนกลางวันและกลางคืนเพื่อสำรองไฟใช้24/7 สามารถผ่อนอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 10 เดือน ผ่านบัตรเครดิตของธนาคาร
นอกจากนี้ ยังมีบริการสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) และเงินฝากสีเขียว (Green Deposit) สำหรับผู้ประกอบการ เช่น ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME D BANK) เสนอสินเชื่อ BCG LOAN เพื่อยกระดับธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.5% ต่อปี วงเงินสูงสุด 50 ล้านบาท ระยะเวลาสูงสุด 15 ปี และเงินฝากประจำ ESG Deposit อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 1.75% ต่อปี เปิดบัญชีขั้นต่ำ 10 ล้านบาท
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (EXIM Bank) เสนอสินเชื่อ EXIM Green Start เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้วงเงินหมุนเวียนสูงสุด 200 ล้านบาทระยะเวลากู้สูงสุด 3 ปี อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 4% ต่อปี และลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ต่อปีในปีแรกสำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานและลงทะเบียนในงาน
ธนาคารออมสิน เสนอสินเชื่อ GSB for BCG Economy สินเชื่อสำหรับธุรกิจที่มีการบริหารจัดการตอบโจทย์โมเดลเศรษฐกิจใหม่ หรือ BCG Model (Bio Economy, Circular Economy และ Green Economy) เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน ลงทุนในทรัพย์สิน ลงทุนด้านพลังงานทดแทน พลังงานจากก๊าซชีวภาพชีวมวล หรือ รีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินอื่น วงเงินกู้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 10 ปี อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MOR/MLR -1.50% ต่อปี
ธนาคารกรุงไทย เสนอสินเชื่อธุรกิจเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ดอกเบี้ยเริ่มต้น MRR-1% ต่อปี ผ่อนนาน 10 ปี สินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อมร่วมกับกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อลงทุนระบบบำบัดของเสีย ดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี และสินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน (ESG) เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจใส่ใจสิ่งแวดล้อม วงเงินกู้สูงสุด 2 เท่าของมูลค่าหลักประกัน ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี
ธนาคารกรุงเทพ เสนอสินเชื่อบัวหลวงกรีน สำหรับเอสเอ็มอีที่ต้องการลงทุนและ/หรือปรับปรุงการดำเนินงานให้ยั่งยืน เพื่อก้าวไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ โดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่ลด/หยุดการสร้างภาวะมลพิษ ลดการปล่อยก๊าซ CO2 เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 8 ปี พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และ Bualuang Green Solar Energy สินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอีที่ต้องการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์ สำหรับใช้ในโรงงานและสถานประกอบการ
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มาโปรโมตโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS10 สมาร์ทกรีน เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจ สู่ ESG และ BCG เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นครั้งแรกในงาน วงเงินค้ำประกันต่อรายไม่เกิน 40 ล้านบาท รวมทุกสถาบันการเงิน ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1.5% ต่อปี ฟรี 4 ปีแรก
นางสาวภาคนีกล่าวว่า สำหรับยอดธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 1 คือ สินเชื่อบ้านและรีไฟแนนซ์บ้าน วงเงินกู้รวมกว่า 13,840 ล้านบาท จากโปรโมชั่นที่ธนาคารนำมาแข่งขันกันในงาน โดยเฉพาะโปรโมชั่น "ดอกเบี้ย 0%" ที่มีในงานนี้เท่านั้น พร้อมกับได้รับเงื่อนไขพิเศษต่างๆ เช่น การยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าประเมินราคา ค่าจดจำนอง เป็นต้น ภายในงานยังมี บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด มาให้บริการตรวจเครดิตบูโร ฟรี!
ด้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดโปรโมชั่นในช่วง "Golden Minute" สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก 2.75% ต่อปี โดยจองสิทธิ์ผ่าน Mobile Application : GHB ALL และ GHB ALL GEN ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 เวลา 15.00 น. ผลปรากฏว่ามีลูกค้าจองสิทธิ์เต็มกรอบวงเงิน 200 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 3 วินาที เท่านั้น
อันดับ 2 สินเชื่อเอสเอ็มอี รวมวงเงินกู้และยอดค้ำประกันสินเชื่อกว่า 5,210 ล้านบาท โดยธนาคารได้เตรียมแพ็กเกจสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำผู้ประกอบการที่ยื่นขอกู้ภายในงาน พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด
อันดับ 3 เงินฝาก/สลากออมทรัพย์และพันธบัตร รวมวงเงินกว่า 1,430 ล้านบาท โดยมีแคมเปญพิเศษสำหรับผู้จองสิทธิ์เงินฝากในงานเท่านั้น ได้แก่ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 111 ของธนาคารออมสิน รับอัตราดอกเบี้ยแบบ Step up สูงสุด 16.99% ต่อปี เฉลี่ย 3.60% ต่อปี และเงินฝาก Exclusive 58 ของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รับอัตราดอกเบี้ย Step Up สูงสุด 15.80% ต่อปี เฉลี่ย 3.50% ต่อปี และคะแนน A-Rewards 1,000 คะแนน ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนที่มาเข้าคิวเพื่อจองสิทธิ์ของทั้ง 2 ธนาคารตั้งแต่เช้าตลอดทั้ง 4 วัน
อันดับ 4 ประกันชีวิต/ประกันภัยและแบงก์แอสชัวรันส์ คิดเป็นทุนประกันรวม 1,200 ล้านบาท โดย แบบประกันยอดฮิตในงาน ได้แก่ แบบประกันตลอดชีพระยะยาว ประกันสะสมทรัพย์ระยะสั้นถึงปานกลาง ที่ให้ผลตอบแทนสูง ประกันบำนาญเพื่อช่วยในการวางแผนเกษียณอายุ รวมถึงประกันสุขภาพเหมาจ่ายวงเงินสูงสุด 100 ล้านบาท ก็ยังได้รับความสนใจเพื่อนำไปใช้ในการบริหารค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่สูงขึ้น
ขณะที่ด้านประกันวินาศภัยนั้น แบบประกันที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษสำหรับลูกค้ารายใหม่ คือแบบประกันภัยมะเร็ง ที่มียอดขายกว่า 70% ของยอดขายทั้งหมด รองลงมา คือ ประกันอัคคีภัยบ้านที่พักอาศัย และการต่ออายุประกันภัยเดิม เช่น ประกันภัยรถยนต์ เป็นต้น
นางสาวภาคนีเปิดเผยอีกว่า ปีนี้มีผู้ยื่นกู้สินเชื่อบุคคลกว่า 5,200 ราย รวมวงเงินกู้ 1,140 ล้านบาท และมีผู้สมัครบัตรเครดิตกว่า 5,250 ราย วงเงินกู้ 1,020 ล้านบาท
ด้านบริการทางการลงทุน ก็มีผู้ลงทุนสมัครใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งการลงทุนซื้อกองทุนและการเปิดบัญชีหุ้น-อนุพันธุ์-ทองคำ โดยในงานมีกองทุนยั่งยืน (ESG Fund) มานำเสนอให้กับนักลงทุนด้วย เช่น กองทุนเปิดบัวหลวงยั่งยืน (B-SIP) ของ บลจ.บัวหลวง ลงทุนในธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการอย่างยั่งยืน ภายใต้การจัดการของ Pictet Asset Management บริษัทจัดการการลงทุนระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญการลงทุนอย่างยั่งยืน
กองทุนเปิดบีแคป คลีน อินโนเวชั่น (BCAP Clean Innovation) ของ บลจ.บางกอกแคปปิตอล โดยกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารของบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับนวัตกรรมเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เช่น พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า เศรษฐกิจหมุนเวียนและการจัดการขยะ และระบบกักเก็บพลังงาน เป็นต้น
นอกจากนี้ นักลงทุนยังสนใจเข้าฟังสัมมนาและเวิร์กช็อปในงานจากวิทยากรชั้นนำกว่า 40 ท่านที่มาวิเคราะห์เทรนด์การลงทุน พร้อมเจาะลึกเทคนิคการลงทุน โดยตลอด 4 วันของการจัดงานมีผู้สนใจเข้าฟังกว่า 30 หัวข้อ เป็นจำนวนหลายหมื่นราย ทั้งจากเวทีสัมมนาภายในงาน และรับชมในรูปแบบ Live ผ่านช่องออนไลน์