ทิสโก้ฟันธง! ปัญหา SVB ไม่ลามเหมือนซับไพรม์ ฐานะการเงินแบงก์แกร่ง ธ.กลางมีประสบการณ์ และสภาพคล่องในระบบเยอะ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ชี้ ปัญหาสภาพคล่องธนาคารที่เริ่มต้นขึ้นจากธนาคาร Silicon Valley จะไม่ลุกลามเป็นปัญหาเศรษฐกิจโลกเหมือนวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ จาก 3 ปัจจัยสนับสนุน คือ ธนาคารสหรัฐฯ.ปัญหาในภาคธนาคารสหรัฐฯ ในรอบนี้ไม่ใช่ปัญหาด้านคุณภาพสินทรัพย์ เศรษฐกิจโลก. ธนาคารกลางมีประสบการณ์และมีเครื่องมือพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง และ 3. สภาพคล่องในระบบธนาคารยังมีเพียงพอ

ทิสโก้ฟันธง! ปัญหา SVB ไม่ลามเหมือนซับไพรม์ ฐานะการเงินแบงก์แกร่ง ธ.กลางมีประสบการณ์ และสภาพคล่องในระบบเยอะ

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr. Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ประเมินว่าปัญหาสภาพคล่องของภาคธนาคารที่เริ่มต้นขึ้นจากธนาคาร Silicon Valley (SVB) ในสหรัฐฯ จะไม่ลุกลามเป็นความเสี่ยงเชิงระบบ และไม่กลายเป็นปัญหาเศรษฐกิจโลกเหมือนเหตุการณ์วิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ที่เกิดขึ้นในปี 2551 จาก 3 ปัจจัยสนับสนุน คือ 1. ปัญหาในภาคธนาคารสหรัฐฯ ในรอบนี้เกิดจากปัญหาสภาพคล่องไม่ใช่ปัญหาด้านคุณภาพสินทรัพย์ 2. ธนาคารกลางมีประสบการณ์และมีเครื่องมือพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง และ 3. สภาพคล่องในระบบธนาคารยังมีเพียงพอ

นอกจากนี้ สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายลงหลังจากที่ภาครัฐทยอยออกมาตรการมาเพิ่มแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการลงทุนนั้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ยังแนะนำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวัง เนื่องจาก ราคาหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูง โดยได้ฟื้นตัวกลับมาอยู่เท่ากับในช่วงต้นเดือนมีนาคมก่อนมีข่าว SVB และราคาหุ้นในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และปัญหาเงินเฟ้อซึ่งยังไม่จบและอาจทำให้ Fed ต้องขึ้นดอกเบี้ยไปสูงกว่าที่ตลาดคาด จึงคงคำแนะนำที่ให้ทยอยเพิ่มน้ำหนักหุ้นเมื่อ ดัชนี S&P500 ต่ำกว่า 3,700 จุด

นายคมศรกล่าวอีกว่า สำหรับรายละเอียด 3 ปัจจัยสนับสนุนให้ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า ปัญหาสภาพคล่องในครั้งนี้จะไม่เป็นวิกฤตเหมือนปี 2551 มีดังนี้ 1. ปัญหาในภาคธนาคารสหรัฐฯ ในรอบนี้เกิดจากปัญหาสภาพคล่องไม่ใช่ปัญหาด้านคุณภาพสินทรัพย์เหมือนในช่วงวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ ซึ่งฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตกและทำให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันด้อยค่าลงจนเป็นเหตุให้ธนาคารล้ม แต่ในปัจจุบันเกณฑ์การกำกับดูแลภาคธนาคารที่เข้มงวดขึ้นทำให้ภาคธนาคารมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพสินทรัพย์ดีกว่าในช่วงวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์เป็นอย่างมาก

2. ธนาคารกลางมีประสบการณ์และมีเครื่องมือพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง โดยปัญหาในรอบนี้เกิดจากการแห่ถอนเงินของผู้ฝากเงิน ซึ่งบีบบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ต้องเร่งขายสินทรัพย์คุณภาพดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรรัฐบาลออกมาในราคาต่ำ และทำให้ธนาคารต้องรับรู้ผลขาดทุน โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ออกมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการออกมาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธนาคาร ซึ่งเรียกว่า Bank Term Funding Program โดยธนาคารพาณิชย์สามารถนำพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้คุณภาพสูงมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อกู้เงินจาก Fed ได้เป็นระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องรับผลขาดทุนจากการขายตราสารดังกล่าวในตลาด

นอกจากนี้ สถาบันประกันเงินฝากของสหรัฐฯ ยังได้ประกาศคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนสำหรับธนาคารที่ล้มไปแล้ว ซึ่งหากมาตรการที่ออกมายังไม่เพียงพอ ทางการสหรัฐฯ สามารถประกาศมาตรการเพิ่มเติม เช่น การขยายวงเงินคุ้มครองเงินฝากหรือคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน เพื่อกู้วิกฤติศรัทธาของผู้ฝากเงินและชะลอการไหลออกของเงินฝากหลังจากนี้ โดยจากรายงานงบดุลรายสัปดาห์ของธนาคารพาณิชย์พบว่าการไหลออกของเงินฝากเริ่มชะลอตัวลงในสัปดาห์ล่าสุด ในขณะที่การปล่อยกู้ยังเติบโตต่อเนื่องและยังไม่เห็นถึงผลกระทบเชิงลบจากการไหลออกของเงินฝาก

3. สภาพคล่องในระบบธนาคารยังมีเพียงพอ โดยปัจจุบันปริมาณเงินสดสำรอง (Bank Reserves) ของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบในสหรัฐฯ อยู่ที่ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเมื่อรวมกับสภาพคล่องที่อยู่ในกองทุนตลาดเงิน (Money Market Funds) อีก 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้สภาพคล่องโดยรวมยังมีมากถึง 5 ล้านล้าน ซึ่งยังสูงกว่าระดับสภาพคล่องขั้นต่ำที่ภาคธนาคารต้องการที่ 10% ของ GDP หรือราว 2.5 ล้านล้านถึงสองเท่า


ข่าวศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ+คมศร ประกอบผลวันนี้

ทิสโก้แนะกระจายซื้อ "บอนด์สั้น" หวั่นหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐาน

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดตลาดหุ้นสหรัฐฯ จ่อปรับฐานในไตรมาส 4 รับ 2 ปัจจัย คือ 1. ราคาหุ้นแพง 2. ความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้ง แนะกระจายความเสี่ยงพอร์ตลงทุนไปยังตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนดีช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4/2567 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสปรับฐานจาก 2 ปัจจัยคือ 1. ราคาหุ้นแพง และรับข่าวธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปมากแล้ว 2. ความไม่

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (T... ทิสโก้เผย Fed ลดดอกเบี้ยมากกว่าคาด ชี้! ปีนี้อาจลดต่ออีก 0.5% และปี 68 ลงอีก 1 - 1.25% — ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ชี้ ธนาคารกลาง...

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ยั... ทิสโก้คาด ! ปี 67 "ตราสารหนี้" กำไรดีกว่า "หุ้นโลก" แถมช่วยกระจายเสี่ยง รับมือเศรษฐกิจชะลอ — ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ยังคงแนะนำนักลงทุนลดน...

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ลงทุนทิสโ... ทิสโก้ย้ำ ซื้อบอนด์ ลดหุ้น เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน 4 -10% ใน 1 ปี — ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ลงทุนทิสโก้ (TISCO ESU) ชี้ ลงทุนตราสารหนี้สหรัฐฯ อายุ ...

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้แนะ... ทิสโก้แนะเพิ่มพอร์ต "ตราสารหนี้" รับยีลพุ่ง หนีเศรษฐกิจทรุด สภาพคล่องลด — ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้แนะลูกค้าเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้ รับ...

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ชี้... กูรูทิสโก้ชี้ ตลาดหุ้นเสี่ยงปรับฐานอีก คาด Fed ขึ้นดอกเบี้ยต่อ - QT ฉุดสภาพคล่องลด — ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ชี้ ตลาดหุ้นเสี่ยงปรับฐานลงอีก ...