มูลนิธิเอเชีย ชี้ต้องเพิ่มอันดับความสามารถในการแข่งขัน ให้ความสำคัญ รร.ขนาดเล็ก คือทางออกกับดักรายได้ปานกลางของไทย

ในปัจจุบันประเทศไทยถูกจัดอันดับจากธนาคารโลก ว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางมานานกว่า ขับเคลื่อนมูลนิธิเอเชีย ปี ซึ่งถือว่าเป็นกับดักรายได้ปานกลาง หรือสถานการณ์การพัฒนาเศรษฐกิจที่ประเทศซึ่งมีรายได้อยู่ในระดับหนึ่งและติดอยู่ในระดับนั้นเป็นเวลานาน การที่ประเทศไทยจะเติบโตเป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้นั้น ทางภาครัฐและเอกชนต่างมีความเห็นว่าจะต้องมีการพัฒนา ทั้งในด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม เทคโนโลยี ฯลฯ โดยมีการศึกษาเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวทางมูลนิธิเอเชีย ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาระหว่างประเทศ ได้มีความเห็นและมุมมองที่สามารถนำไปปรับใช้ ต่อยอดได้อย่างน่าสนใจ

มูลนิธิเอเชีย ชี้ต้องเพิ่มอันดับความสามารถในการแข่งขัน ให้ความสำคัญ รร.ขนาดเล็ก คือทางออกกับดักรายได้ปานกลางของไทย

นายโทมัส พาร์ค ผู้แทนมูลนิธิเอเชียประจำประเทศไทย กล่าวว่า "ประเทศไทยประสบกับปัญหาเรื่องกับดักรายได้ปานกลางมานานกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของเศรษฐกิจที่มีต้นทุนการทำธุรกิจและแรงงานที่เพิ่มมากขึ้น เป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศที่กำลังพัฒนา นอกจากในด้านเศรษฐ กิจแล้วยังมีเรื่องของการศึกษาที่เป็นปัจจัยสำคัญ หลายๆ ธุรกิจบอกว่ากำลังประสบปัญหาในการหาบัณฑิตจบใหม่ที่มีคุณสมบัติสูงด้านแรงงานที่มีทักษะฝีมือ ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นสิ่งท้าทายที่สำคัญ ในการก้าวออกจากกับดักรายได้ปานกลางของประเทศไทย

ถ้าต้องการหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางจะต้องปฏิรูปการศึกษา โดยระบบการศึกษาจะต้องทำให้อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษาในระดับนานาชาติดีขึ้น มีการผลิตนักเรียนที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสามารถพูดภาษาอังกฤษ ก็จะดึงดูดให้ภาคธุรกิจหันมาสนใจแรงงานที่มีความ สามารถแข่งขันในระดับสากล สิ่งสำคัญก็คือเราจะทำให้ระบบการศึกษาทำงานดีขึ้นได้อย่างไร หลายคนอาจจะมองไปที่โรงเรียน แต่ผมเห็นว่าจะต้องทำให้ทั้งระบบสามารถดูแลนักเรียนได้เป็นจำนวนมาก หรือทำให้ประเทศไทยโดยรวมก้าวไปสู่ขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การมุ่งเป้าเพื่อดูแลประชาชนกลุ่มเล็กๆ ซึ่งในด้านการศึกษาทางมูลนิธิเอเชียนั้นได้มุ่งเน้นในการแก้ไขปัญหา 2 ประการคือ 1)การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและประสิทธิภาพโดยรวมของระบบการศึกษาไทย ซึ่งเป็นเรื่องโครงสร้างทั้งระบบและเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก 2)ลดความไม่เท่าเทียมกันในระบบการศึกษา ซึ่งมีความแตกต่างกันมาก ทั้งในโรงเรียนขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมถึงโรงเรียนในพื้นที่ชนบทและในเมือง

นอกจากนี้การสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ให้กับเด็กในการแสดงออกก็เป็นสิ่งสำคัญ การส่งผู้เชี่ยวชาญไปให้ความรู้กับคุณครูเพื่อสอนเด็กก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ แต่การเข้าไปพูดคุยสอบถามนักเรียนว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไร เป็นเรื่องที่มีความลึกซึ้งมากกว่า เพราะจะทำให้ทราบข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจ สามารถชี้นำไปในทางที่ถูกต้อง ซึ่งจากการจัดโครงการประกวดเรียงความ "ครูใหญ่ในใจเรา" ที่ผ่านมา ทำให้ได้พบว่านักเรียนต้องการให้ผู้อำนวยการมีส่วนร่วมกับชีวิตประจำวันในโรงเรียนมากขึ้น อาทิ การเดินไปพบนักเรียนในชั้นเรียน, สังเกตว่าครูกำลังทำอะไร รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ให้มากขึ้น และออกไปพูดคุยกับชุมชนหรือเจ้าหน้าของที่รัฐ หรือใช้เวลาไปกับการหาทุนการศึกษาให้น้อยลง นอกจากนี้นักเรียนยังต้องการผู้อำนวยการที่มีความยุติธรรมและเสมอภาค ให้เกียรติกับคนต่างเพศหรือมีภูมิหลังต่างกัน และจะชื่นชมเมื่อมีการใช้วาจาที่เหมาะสมและเป็นที่น่าเคารพนับถือ ฯลฯ โดยผลที่ได้รับจากการประกวดเรียงความในครั้งนี้ คือนักเรียนรู้สึกว่าความคิดเห็นของพวกเขามีความสำคัญ สามารถช่วยปรับปรุงโรงเรียน หรือแก้ไขระบบการศึกษาซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เป็นการขยายพื้นที่ให้นักเรียนมีบทบาท หรือเคารพต่อบทบาทของตนเองมากขึ้นในอนาคต"

นายโทมัส พาร์ค ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า "ในอนาคตมูลนิธิเอเชีย มีความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับกระทรวง ศึกษาธิการ และโรงเรียนต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะในเรื่องความเป็นผู้นำของผู้บริหารโรงเรียน โดยจะให้ความสำคัญเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กในชนบท ที่ต้องมีความพร้อมและได้รับการสนับสนุนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในปัญหาความเหลื่อมล้ำของการศึกษาไทย โดยมูลนิธิเอเชียได้ก่อตั้งมานานเกือบ 70 ปี มีการทำงานกับหลายภาคส่วน ทั้งในเรื่องการพัฒนา นโยบายต่างประเทศ การเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิง เทคโนโลยี อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และการศึกษา โดยเฉพาะในเรื่องปฏิรูปการศึกษา ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาไปพร้อมกับประเทศไทย ที่ในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าท้ายครั้งยิ่งใหญ่คือเรื่องกับดักรายได้ปานกลาง ครับ"


ข่าวมูลนิธิเอเชีย+ระหว่างประเทศวันนี้

กทม. จับมือมูลนิธิเอเชีย นำเด็กปฐมวัยจาก 4 โรงเรียน รวม 914 ครอบครัว จัดเทศกาลรักการอ่านผ่านนิทานและการเล่น

เมื่อเร็วๆ นี้ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มาเป็นประธาน ในพิธีเปิดงานเทศกาลรักการอ่านผ่านนิทานและการเล่น (Let's Read and Play's Reading Festival 2024) ตอนเปิดประตูสู่โลกนิทานมหัศจรรย์กับคุณหนูและผองเพื่อนสัตว์น่ารัก ที่ รร.ฤทธิยะวรรณาลัย (ประถมศึกษา) เขตสายไหม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมการอ่านในเด็กปฐมวัยผ่านนิทานและการเล่น จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยมูลนิธิเอเชีย ประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือของสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร และเหล่าพันธมิตร ซึ่งในปี 2567 ได้ขยาย

เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิเอเชีย ได้ร่วมกับเห... ความบิดเบี้ยวในการสอบคัดเลือก และขาดการกระจายอำนาจ คือปัญหา "กล่องดำทางการศึกษา" ของไทย — เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิเอเชีย ได้ร่วมกับเหล่าพันธมิตร จัดงานเปิดต...

เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิเอเชีย ร่วมกับกระทร... มูลนิธิเอเชีย เปิดเสวนาถก "ผู้นำกับความสำเร็จของโรงเรียน" แนะใช้ Thailand Leadership แก้ไขปัญหา — เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิเอเชีย ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ, ก...

เป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว ที่ทางโครงการโรงเรี... โครงการโรงเรียนดีมีทุกที่ เผยกุญแจหลัก 3 ข้อ ที่ทำให้ รร. ประสบความสำเร็จ — เป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว ที่ทางโครงการโรงเรียนดีมีทุกที่ ซึ่งจัดทำโดยมูลนิธิเอเชี...

ด้วยรำลึกพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ของพร... ดร.รัตนา แซ่เล้า นำเยาวชนไทยสืบสานปณิธานการศึกษา พัฒนาสู่ความฝันอันสูงสุด ของ ร.9 — ด้วยรำลึกพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มห...

เข้าสู่ปีที่ 3 แล้วสำหรับโครงการโรงเรียนด... โรงเรียนดีมีทุกที่ สร้างพื้นที่พลังบวก ส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้ใน กทม. — เข้าสู่ปีที่ 3 แล้วสำหรับโครงการโรงเรียนดีมีทุกที่ ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิเอเชีย ...