อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ปลื้มยอดปี 2022 ตามเป้า ลุยตลาดไทยและต่างประเทศต่อเนื่องตลอดปี

16 Jan 2023

อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ปลื้มยอดปี 2022 ตามเป้า ลุยตลาดไทยและต่างประเทศต่อเนื่องตลอดปี พร้อมเผย เทรนด์น่าจับตา ในปี 2023

อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ปลื้มยอดปี 2022 ตามเป้า ลุยตลาดไทยและต่างประเทศต่อเนื่องตลอดปี

อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ปลื้มยอดรวมปี 2022 ปิดยอดเกือบ 1,000 ล้านบาท ตามเป้าที่ตั้งไว้เผยภาพรวม ธุรกิจอีเว้นท์ปีนี้เติบโต โดยทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลักของอินเด็กซ์ฯ คือ 1. กลุ่มครีเอทีฟ บิซซิเนส ดีเวลลอปเม้นท์ (Creative Business Development) 2. กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Service) และ 3. กลุ่มโอน-ครี เอชั่น (Own-Creation) มีการเติบโตสูงขึ้น รุกตลาดเอเชียปี 2566 อย่างต่อเนื่องหลังสถานการณ์โลกคลี่คลาย พร้อมอัพเดทเทรนด์"พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในปี 2023"

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า เราสร้าง แคมเปญใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอกย้ำความเป็น Creative Business Solutions ผ่านกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่าง Hybrid Experience ที่เน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลอันทันสมัย และเทคโนโลยีที่เราสร้างขึ้นเองเพื่อทำให้งานอีเว้นท์ของเรานั้น แปลกใหม่ส่งต่อประสบการณ์อันพิเศษน่าจดจำไปยังผู้ชม ซึ่งแผนปี 2566 มุ่งเน้น 4 เป้าหมายหลัก คือ เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) รวมถึงพัฒนาเทรน Metaverse, การสร้างสรรค์ประสบการณ์และจินตนาการที่แปลกใหม่อย่าง ไร้ขีดจำกัด (Immersive Experience) ตั้งแต่ไลฟ์สไตล์ ไอเดีย แนวคิด นวัตกรรมไปยันมรดกทางวัฒนธรรมผ่านงานอี เว้นท์ในช่วงเวลาต่าง ๆ มากถึง 18 โปรเจค, มุ่งบุกตลาดเอเชีย (Invest Asia) 7 ประเทศเป้าหมายหลัก คือ ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, สิงคโปร์, คาซัคสถาน, ซาอุดิอาระเบีย, กัมพูชา, และประเทศไทย พร้อมเดินหน้าจับกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยว (Tourist Segment) ที่กลับมาคึกคักหลังเปิดประเทศ

นอกจากนี้ยังเผยงานวิจัยออนไลน์โดย บริษัท เอ็นไวโรไทยแลนด์ จำกัด (ในเครือบริษัทอินเด็กซ์ครีเอทีฟ วิล เลจ) เป็นบริษัทวิจัยยักษ์ใหญ่ระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ก เอ็นไวโรไทยแลนด์กว่า 10 ที่ผ่านมา เทรนด์ของ เอ็นไวโรไทยแลนด์สะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างแท้จริง เป็นประโยชน์ทั้งต่อนักการตลาด ผู้ประกอบการรายเล็ก รายใหญ่ รวมถึงตัวผู้บริโภคเอง เพื่อเข้าใจบริบท ของโลก และสังคมไทย เตรียมความพร้อมในการรับมืออย่างมีกลยุทธ์ โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์ออนไลน์และการ weight ทางสถิติ เพื่อเป็นตัวแทนประชากร 1000 คน ในกลุ่ม หญิง ชาย LGBTQ อายุ 18-55, ทุกกลุ่มรายได้ และอาชีพ ทั่วประเทศไทย

โดยเทรนด์ที่น่าจับตามองคือ พฤติกรรมของผู้บริโภคในปี 2023 พบว่า 85% ของคนไทยต้องการเห็นความเสมอ ภาคทางสังคม และการเปิดกว้างทางเพศ EQUALITY & DIVERSITY: ความเสมอภาค ความเท่าเทียมทางสังคม โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Y จากผลสำรวจของ Rainmaker Thinking: blog สำรวจกลุ่มที่เป็น Gen Z ทั้งหมด 4,093 พบว่า gen z เน้นความเท่าเทียมเกี่ยวกับเรื่องค่าจ่ายค่าแรง มากกว่าเรื่องใด ๆ ถึง 74% จากการศึกษาของ Facebook พบว่า แบรนด์ที่โฆษณาสื่อถึงการเปิดกว้าง ยอมรับความเสมอภาค ความแตกต่างจะได้รับความไว้วางใจจาก ผู้บริโภคมากถึง 60% แบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงคนรุ่นใหม่จึงต้องสนับสนุนเรื่องความเสมอภาค การเปิดโอกาสตาม ความสามารถอย่างแท้จริง SUSTAINABILITY: รักษาสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ล่าสุดข้อมูลวิจัยของ เอ็นไวโรไทยแลนด์พบว่า 65% ของคนไทยสนับสนุนสินค้า บริการที่มีวัตถุประสงค์ด้าน sustainability. โดยคนไทย กลุ่ม GEN Y X สนับสนุนเรื่องนี้มากกว่ากลุ่มอื่น (90%) สอดคล้องกับข้อมูลของ Mckinsey ที่รายงานว่า 66% ของ ผู้บริโภคทั่วโลกสนับสนุนเรื่อง sustainability โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen Y (75%) โดยแรงบันดาลใจในการรักษ์โลก ของคนไทยเริ่มมาจากการประหยัดค่าใช้จ่าย ก่อนต่อยอดไปสู่พฤติกรรมรักษ์โลก สอดคล้องกับการศึกษาของ Harvard business review ว่า มีเพียง 26% เท่านั้นที่ยอมจ่ายแพงสำหรับสินค้าบริการที่มีวัตถุประสงค์รักษ์โลก หรือ sustainability ซึ่งอาจจะขายได้แต่คนเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้สูง ดังนั้นแบรนด์ที่มีวัตถุประสงค์ด้าน Sustainability ที่ ต้องการเปลี่ยนแปลงให้ผู้บริโภคมาช่วยกันรักษ์โลกจริง ๆ ต้องเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ ซึ่งในยุคที่ทุกคนระมัดระวังการใช้จ่าย ต้องเริ่มจากการที่ผู้บริโภคเห็นผลประโยชน์จากการช่วยลดการใช้จ่ายก่อน คือรักษ์โลกแล้วช่วยประหยัดด้วย ไม่ใช่รักษ์ โลกแล้วต้องจ่ายแพง การใช้โซลาร์เซลล์เป็นตัวอย่างที่ดีมากในการกระตุ้นให้ใช้ไฟฟ้าน้อยลง เพราะช่วยประหยัดค่าไฟ หรือการใช้รถไฟฟ้าเพราะประหยัดค่าน้ำมัน ยังแรงไม่ตกสำหรับเทรนด์สุขภาพ

ยังแรงไม่ตกสำหรับเทรนด์สุขภาพกับเทรนด์HEALTH & WELLNESS: รักสุขภาพ 64% ของคนไทย ใส่ใจเรื่อง สุขภาพกาย กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดแป้ง ไขมัน น้ำตาล ถึงแม้กลุ่มที่พบปัญหาเรื่องสุขภาพมากที่สุดคือกลุ่ม baby boomer แต่กลุ่มที่ตั้งใจรักษาสุขภาพมากที่สุดกลับเป็นกลุ่ม Gen X Y โดยสองกลุ่มนี้มุ่งมั่นรักษาสุขภาพผ่านการ ออก กำลังและลดน้ำหนัก เป็นหลัก สอดคล้องกับเทรนด์โลกที่ศึกษาโดย Mindshareworld พบว่า 66% ของผู้บริโภคทั่วโลก สนใจเรื่องสุขภาพ จึงยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกลุ่มสินค้า บริการด้านสุขภาพ นอกจากสุขภาพกายแล้ว ปัญหาสุขภาพจิต เป็นปัญหาที่พบมากในกลุ่ม Gen Z ซึ่งไม่เฉพาะคนไทย แต่เป็นปัญหาของกลุ่ม Gen Z ทั่วโลก ข้อมูลจาก เอ็นไวโรไทย แลนด์จากข้อมูลของ American Psychological Association (APA) พบว่า 45% ของ GEN Z มีปัญหาด้าน สุขภาพจิต เป็นกลุ่มที่สมควรพึ่งพาจิตแพทย์มากที่สุด แต่มีแนวโน้ม เชื่อ influencer หรือเพื่อนมากกว่า ซึ่งขาด ประสบการณ์ชีวิต และมีโอกาสให้คำแนะนำผิด ๆ โดยการศึกษาของเอ็นไวโรไทยแลนด์พบว่าความเครียดของคนกลุ่ม Gen Z มาจาก การไม่มีใจทำงาน การบูลลี่กันเอง ความอยากมีอยากได้ทำให้ใช้เงินเกินตัว การสร้างภาพในโลกโซเชียลเป็นต้น ซึ่งวิธีคลายเครียดของคนกลุ่มนี้คือ เที่ยวเล่น เล่นเกมส์อยู่หน้าจอ ซึ่งการใช้smart phone หรือการอยู่หน้าจอ ที่สูงทำให้เกิด Digital Toxic และอาจส่งผลต่อสังคมได้

HTML::image(