มือกว่า 10,000 คู่ของเด็กน้อย ร่วมสานโครงการฟาร์มสุขภาพของหนู แหล่งโภชนาการสำคัญเพื่อสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

ถึงจะเป็นเพียงเด็กเล็กๆ แต่สุขภาพของพวกเขาไม่ใช่เรื่องเล็ก จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ร่วมกับองค์การยูนิเซฟด้านภาวะโภชนาการของเด็กในประเทศไทยครั้งล่าสุด (ปีพ.ศ. ประเทศไทย56ประเทศไทย) พบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีในประเทศไทย องค์การยูนิเซฟ3.3% ประสบกับภาวะเตี้ยแคระแกร็น 7.7% มีภาวะผอม และ 9.ประเทศไทย% มีน้ำหนักเกิน ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าการสำรวจครั้งก่อนหน้านี้ ภาวะดังกล่าวอาจส่งผลต่อไปถึงพัฒนาการด้านสติปัญญาและประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย

มือกว่า 10,000 คู่ของเด็กน้อย ร่วมสานโครงการฟาร์มสุขภาพของหนู แหล่งโภชนาการสำคัญเพื่อสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

คำถามคือเราจะช่วยกันดูแลให้เด็กๆ ได้เติบโตอย่างมีคุณภาพสมวัย เข้มแข็งทั้งกายและใจได้อย่างไร ปัจจัยที่สำคัญคือการได้รับประทานอาหารครบโภชนาการ และการได้รับการพัฒนาด้านการศึกษาด้วยหลักสูตรการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพโดยสอดแทรกการทำกิจกรรมเสริมทักษะอันเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับชีวิตที่มีคุณภาพในอนาคต มือกว่า 10,000 คู่ของเด็กน้อย ร่วมสานโครงการฟาร์มสุขภาพของหนู แหล่งโภชนาการสำคัญเพื่อสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

แอมเวย์มุ่งมั่นเดินหน้าโครงการฟาร์มสุขภาพของหนูผ่านมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย ด้วยการดำเนินกิจกรรมแบบบูรณาการเพื่อตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่องและสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ดี โดยมีเป้าหมายในการช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ห่างไกลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด "เด็กได้รับโภชนาการดี มีพัฒนาการสมวัย โรงเรียนเป็นศูนย์กลางความรู้ด้านโภชนาการและการทำเกษตรผสมผสาน และขยายความเข้มแข็ง สู่ชุมชน"

โดยแอมเวย์ได้นำความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพมาสนับสนุนความรู้ด้านโภชนาการร่วมกับที่ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเชิญกูรูด้านการทำเกษตรผสมผสานแบบปลอดภัยต่อสุขภาพและกูรูด้านการส่งเสริมพัฒนาการเด็กมาร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ให้แก่คุณครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนและผู้นำชุมชน เพื่อนำความรู้ไปปรับใช้กับแผนงานของโรงเรียน ช่วยให้โรงเรียนดูแลตัวเองต่อได้อย่างยั่งยืน

กิจกรรมที่เป็นหัวใจหลักภายใต้โครงการฟาร์มสุขภาพของหนู ประกอบด้วย 1. กิจกรรมส่งเสริมโภชนาการ ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก เพื่อให้เด็กๆ ได้รับโภชนาการครบ 5 หมู่ และเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของสารอาหารที่ได้รับ 2.เรียนรู้เทคนิคการทำเกษตรแบบผสมผสานสำหรับเด็กด้วยวิธีธรรมชาติที่ปลอดภัย เสริมทักษะด้วยการเกษตรเพื่อต่อยอดและพัฒนาไปใช้ในครัวเรือน 3. เรียนรู้การบริหารจัดการพื้นที่การเกษตรเพื่อปลูกพืชที่มีโภชนาการหลากหลาย สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการปลูกพืชผักแบบธรรมชาติวิทยา 4. เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่ได้ลงมือทำ (Active Learning) เด็กๆ จะได้รู้จักวางแผน คิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา และเกิดความภูมิใจในผลงานของตัวเอง ปฏิบัติจริงด้วยตัวเองเพื่อให้เข้าใจและสร้างวินัยในการใช้ชีวิตประจำวัน 5. เรียนรู้การบริหารจัดการบัญชีฟาร์ม เพื่อการบริหารจัดการรายได้และรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

"ตลอด 4 ปีที่ได้ดำเนินโครงการ "ฟาร์มสุขภาพของหนู" ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทยได้มีโอกาสพูดคุยและลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินกิจกรรมตามแผนงานของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในที่ต่างๆ และได้เห็นถึงความตั้งใจและความร่วมมือร่วมใจระหว่างคุณครู นักเรียน และชุมชนในการร่วมกันนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากโครงการไปต่อยอดแนวทางการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการได้เห็นเด็กทุกคนได้รับประทานอาหารที่ครบโภชนาการ ได้มีส่วนร่วมในผลผลิตที่จะกลายมาเป็นมื้ออาหารของพวกเขา และต่อยอดสู่ผลผลิตแปรรูปเพื่อเป็นรายได้ของโรงเรียน เป็นการเพิ่มทักษะชีวิตผ่านการเรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างแท้จริง และก่อให้เกิดการพึ่งพาตัวเองอันเป็นแนวทางการทำงานแบบยั่งยืน" นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด และประธานมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทยกล่าว

มูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เด็กและเยาวชนในสังคมไทย และสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนผ่านโครงการฟาร์มสุขภาพของหนู โดยตั้งแต่ปีแรกที่ได้ดำเนินโครงการฯ ในปีพ.ศ. 2562 จนถึงปัจจุบัน ได้ต่อยอดพื้นที่ฟาร์มสุขไปแล้วมากกว่า 79 โรงเรียน โดยมีนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ และได้รับการส่งเสริมองค์ความรู้มากกว่า 10,400 คน ตัวแทนครูและผู้นำชุมชน 395 คน พร้อมทั้งได้มอบเงินสนันสนุนรวม 4 ปี เป็นจำนวนทั้งสิ้น 7.9 ล้านบาท โดยในปีนี้ โครงการฟาร์มสุขภาพของหนูได้ขยายองค์ความรู้และพื้นที่ฟาร์มสุขไปยัง 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร อุดรธานี เลย และบึงกาฬ

แอมเวย์พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เด็กและเยาวชนในสังคมไทย และสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนพร้อมสานต่อและสร้างความยั่งยืนร่วมกับชุมชนต่อไปในอนาคต


ข่าวสำนักงานสถิติแห่งชาติ+องค์การยูนิเซฟวันนี้

เพราะการอ่านคือสะพานสู่การเรียนรู้… ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผนึกยูนิเซฟ เดินหน้ายกระดับการอ่านของเยาวชนไทย สานต่อความสำเร็จโครงการ "เด็กทุกคนอ่านได้ Every Child Can Read"

'อ่านออก-เขียนได้' ทักษะที่เปรียบเสมือนพื้นฐานสำคัญแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะการอ่านหนังสือคือต้นทางที่นำไปสู่การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของเด็ก และต่อยอดไปยังทักษะในด้านต่างๆ การส่งเสริมทักษะการอ่านในเด็กจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม รวมทั้งการเข้าถึงหนังสือและสื่อการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพและเสมอภาคตั้งแต่ช่วงปฐมวัย ซึ่งจากผลสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย (MICS) ของสำนักงานสถิติแห่งชาติร่วมมือกับองค์การยูนิเซฟ ในปี 2565

เนื่องในสัปดาห์นมแม่โลก ซึ่งตรงกับวันที่ ... ยูนิเซฟชี้ทารกเพียง 1 ใน 3 คนในประเทศไทยได้กินนมแม่อย่างเดียวหกเดือน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายโลก — เนื่องในสัปดาห์นมแม่โลก ซึ่งตรงกับวันที่ 1-7 สิงหาคมของทุกปี...

ดร.ภุชพงค์ โนดไธสงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานส... ภาพข่าว: "แถลงผลการสำรวจความพิการ พ.ศ. ๒๕๖๐" — ดร.ภุชพงค์ โนดไธสงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ที่5-ซ้าย) พร้อมด้วย นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนอง...

ได้ไปลงพื้นที่กับองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย... "ใหม่-ดาวิกา" เป็นกระบอกเสียงให้เด็กๆ ในประเทศไทยทุกคนได้เรียนหนังสือ — ได้ไปลงพื้นที่กับองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ในฐานะ Friend of UNICEF ที่จังหวัดเชียงใ...

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล... สคส. จับมือ สนง.สถิติ เก็บข้อมูลประชากรครั้งใหญ่รอบ 10 ปี ย้ำชัด มั่นใจ-ปลอดภัย-พร้อมพัฒนาประเทศ — สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จับมือ สำนักง...