นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น ติดตามสถานการณ์การเพาะปลูกและความต้องการน้ำในพื้นที่การเกษตรอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร โดยร่วมกับ นางวานิสสา ดวงกลาง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 25 ตำบลสว่างแดนดิน และนายชัยณรงค์ แสงชาติ อาสาสมัครฝนหลวง พบว่าขณะนี้พื้นที่ส่วนใหญ่ปลูกข้าวและอาศัยน้ำฝนในการทำการเกษตร โดยเกษตรกรในพื้นที่ได้หว่านข้าวตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ต้นกล้าเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์มาก มีสภาพค่อนข้างแคระแกรน และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ทำให้พื้นที่ลุ่มเริ่มมีน้ำขังในแปลงนาทำให้เกษตรกรบางส่วนเริ่มนำต้นกล้ามาทำการดำนาแล้ว
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความต้องการน้ำในพื้นที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากดินยังไม่ชุ่มน้ำเท่าที่ควร และปริมาณน้ำยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของข้าวระยะกล้า ระยะเจริญเติบโต โดยศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการวางแผนเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ยังต้องการน้ำต่อไป
นายสำเริง ได้กล่าวต่อว่า สภาพอากาศของประเทศไทยขณะนี้ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ขณะที่ลมใต้พัดปกคลุมภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก เริ่มมีกำลังอ่อนลง จากลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบริเวณพื้นที่จังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต โดยขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักที่อาจเกิดขึ้น และจากลักษณะสภาพอากาศทางตอนบนของประเทศที่จะมีฝนลดลง สอดคล้องกับจำนวนผู้ขอรับบริการฝนหลวงทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 239 แห่ง ซึ่งวันที่ 27 มิถุนายน 2565 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 10 หน่วยปฏิบัติการ ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ขาดแคลนน้ำบางส่วน จำนวน 24 จังหวัด เช่น จังหวัดลำปาง ลำพูน เพชรบูรณ์ กาญจนบุรี ลพบุรี สกลนคร อุดรธานี สระแก้ว เป็นต้น และเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ จำนวน 13 แห่ง
ทั้งนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงติดตามสถานการณ์การเพาะปลูกและความต้องการของพืชทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด และขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศร่วมบริหารจัดการแหล่งน้ำของตนเอง ให้เพียงพอต่อการเกษตร อุปโภค บริโภค เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และพี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account TikTok : @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100