A10 Networks พัฒนาโซลูชันในการช่วยให้องค์กร เพิ่มความพร้อมในการยกระดับความสามารถเพื่อเข้าถึงคลาวด์ต่าง ๆ ทั้งไฮบริด และมัลติคลาวด์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เพื่อให้องค์กรสามารถตอบโจทย์การไมเกรตแอปพลิเคชันไปยังคลาวด์ได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมผนึก อินแกรม ไมโคร เพื่อช่วยในด้านการให้บริการช่วยเหลือ และสนับสนุนโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญสูง
มีองค์กรหลายแห่งได้ย้ายแอปพลิเคชันขึ้นไปทำงานอยู่บนคลาวด์ แต่อย่างไรก็ตาม รูปแบบนั้นยังคงลักษณะที่เป็น "Lift-and-Shift" ที่ยังคงสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่แบบดั้งเดิม (Monolithic) ไว้อยู่ ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากความเป็นคลาวด์ได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นความยืดหยุ่น การกระจายกันประมวลผล หรือแม้แต่ความยากในการบำรุงรักษา และปรับลด หรือเพิ่มขนาดระบบบ
อีกประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปพลิเคชันแบบที่พัฒนาเพื่ออยู่บนคลาวด์โดยเฉพาะ หรือ Cloud-Native ก็คือ การใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation) แต่ก็มักเผชิญอุปสรรคในขั้นตอนถัด ๆ มา เช่น การทำให้ผู้ใช้ปลายทางเข้าถึงแอปพลิเคชันได้, การขยายแอปพลิเคชันขึ้นหรือลง, หรือการย้ายแอพจากคลาวด์หนึ่งไปสู่อีกคลาวด์หนึ่ง
เหตุผลหลักก็คือตัว Load Balancer ที่เป็นด่านหน้าของแอปพลิเคชันเหล่านี้ เป็นตัวจัดการการเข้าถึงแก่ผู้ใช้ปลายทาง ตัว Load Balancer จะมองแอปพลิเคชันเป็นแบบระบบก้อนใหญ่ก้อนเดียวอยู่ ทำให้ไม่สามารถไล่ตามความเร็วและความคล่องตัวของแอปพลิเคชันแบบคลาวด์แนทีฟที่ติดตั้งอยู่ได้
อีกทั้ง Load Balancer เหล่านี้ ต้องอาศัยทีมงานต่างๆ ไม่ว่าจะทีมเน็ตเวิร์กหรือทีมงานด้านความปลอดภัย เพื่อเข้ามาดูแลและจัดการให้ลงตัว ซึ่งกระบวนการนี้มักใช้เวลาเป็นวันถึงหลายสัปดาห์ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการตั้งค่าตัว Load Balancerให้สอดคล้องกัน กระบวนการลักษณะนี้ย่อมเป็นตัวขัดขวางเป้าหมายในการทำงานแบบอัตโนมัติที่แต่ละองค์กรต่างคาดหวัง ยังไม่นับรวมเรื่องของ ผู้ให้บริการคลาวด์แต่ละราย ต่างก็มีตัว Load Balancer และระบบจัดการเป็นแบบของตัวเองไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น AWS ใช้โซลูชัน Elastic Load Balancing ที่แตกต่างจาก Azure Load Balancer ของไมโครซอฟท์ จุดแตกต่างนี้ยิ่งทำให้การติดตั้งแอปพลิเคชันแบบอัตโนมัติยิ่งซับซ้อนและใช้เวลามากขึ้น ตลอดจนอาจสร้างความผิดพลาดในการเชื่อมโยงระบบคลาวด์ที่มาจากแหล่งต่าง ๆ อีกด้วย
A10 Networks มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้ออกแบบโซลูชันสำหรับการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่แบ่งเป็นสองส่วนด้วยกัน ได้แก่: Thunder Kubernetes Connector (TKC) และ Thunder ADC
Thunder Kubernetes Connector: เป็นตัวตั้งค่า Thunder ADC ที่เป็นตัว Load Balancerสำหรับแอปพลิเคชันแบบคลาวด์แนทีฟให้แบบอัตโนมัติ ในรูปแบบของคอนเทนเนอร์ที่รันคู่ขนาดไปกับแอปพลิเคชัน
Thunder ADC: เป็นตัว Load Balancer ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าแอปพลิเคชันแบบคลาวด์แนทีฟ เพื่อให้ผู้ใช้ปลายทางเข้าถึงแอปได้ โดย Thunder ADC มีให้เลือกใช้หลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบเวอร์ชวล, แบบ Bare Metal, แบบเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์, และในรูปคอนเทนเนอร์ ซึ่งสามารถติดตั้งได้ทั้งบนสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์และไฮบริดคลาวด์ การที่ใช้โซลูชัน Thunder ADC แบบเดียวกันบนทุกคลาวด์ยังช่วยให้สามารถบังคับใช้ชุดโพลิซีที่ควบคุมการเข้าถึงแอปพลิเคชันได้เป็นหนึ่งเดียวกันด้วย
ยิ่งกว่านั้น โซลูชันของ A10 Networks ยังรองรับการผสานการทำงานเข้ากับกระบวนการ DevOps ที่มีอยู่ได้อย่างง่ายผ่านทูลอัตโนมัติจาก Third Party อย่าง Terraform หรือ Ansible ด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้กระบวนการติดตั้งแอปพลิเคชันแบบคลาวด์บนสภาพแวดล้อมทั้งแบบมัลติคลาวด์และไฮบริดคลาวด์ต่างทำงานแบบอัตโนมัติได้ และทำได้เร็วกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้ ด้วยโซลูชั่นของ A10 ยังทำให้องค์กรต่างๆ มีจุดศูนย์กลางในการควบคุมและบังคับใช้โพลิซี ทั้งด้าน:
การจัดการได้จากศูนย์กลางนี้ยังทำให้แก้ปัญหาและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาได้รวดเร็วขึ้นด้วย ส่งผลให้ได้ความพร้อมในการให้บริการแอปพลิเคชันระดับสูง ที่มาพร้อมกับความพึงพอใจของลูกค้าระดับสูง
โซลูชันของ A10 Networks ทำให้กระบวนการติดตั้งแอปพลิเคชันไม่เพียงรวดเร็ว เรียบง่าย และปรับตัวได้ยืดหยุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นไปอย่างปลอดภัยและเสถียรด้วย
นอกจากนั้นแล้ว A10 Network ยังได้ผนึกความร่วมมือกับทางบริษัท อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านไอทีที่สำคัญในประเทศไทยและสากล เพื่อที่จะช่วยให้องค์กรไทยสามารถเข้าถึงโซลูชันดังกล่าวได้ง่ายขึ้น ผ่านตัวแทนและทีมงานของ อินแกรม ไมโคร ในการดูแลด้านการบริการและสนับสนุนการใช้งานโซลูชันจาก A10 Networks ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
HTML::image(
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit