เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิก ครั้งที่ 3/2565 โดยมี นายชัยพล สุขเอี่ยม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทน กระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้แทนกรมที่ดิน ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และนายสำรวย นักการเรียน รองอธิบดีกรมการศาสนา ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการศาสนา ในฐานะกรรมการและเลขานุการ โดยมีผู้แทนสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย เข้าร่วมการประชุม ณ ศูนย์ประชุมกระทรวงวัฒนธรรม ชั้น 8 กระทรวงวัฒนธรรม และผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom) เพื่อพิจารณาแบบคำขอให้รับรองวัดคาทอลิก (แบบ คท. 2) ตามที่มิซซังได้ยื่นต่อกรมการศาสนา ในฐานะสำนักงาน เลขานุการคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาดำเนินการรับรองการจัดตั้งวัดคาทอลิก
นายอิทธิพล คุณปลื้ม กล่าวว่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. 2564 กำหนดในข้อ 16 ว่า ภายในระยะเวลาสองปีนับแต่วันที่ ระเบียบใช้บังคับ เมื่อปรากฏว่ามีวัดคาทอลิกอยู่ในวันก่อน วันที่ระเบียบบังคับใช้ และมิซซัง โดยความเห็นชอบของสภาประมุข บาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ยื่นคำขอให้รับรอง วัดคาทอลิกต่อกรมการศาสนาเพื่อให้คกก.จัดตั้งวัดคาทอลิกได้พิจารณา ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งวัด ที่ดินที่มีหนังสืออนุญาต ให้ใช้ที่ดินในการสร้างวัด ใบอนุญาตหรือใบรับรองการก่อสร้าง อาคาร รายชื่อบาทหลวงซึ่งจะไปประกอบศาสนกิจประจำ ณ วัดคาทอลิกนั้น และข้อมูลอื่นที่จำเป็นเกี่ยวกับการรับรอง วัดคาทอลิก อาทิ การมีคุณค่าและประโยชน์ต่อประชาชน และชุมชนด้านศาสนาและสังคม การได้รับการอุปถัมภ์และ ทำนุบำรุง จากมิซซังที่เป็นเขตการปกครองของศาสนา คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก สัตบุรษหรือศริสต์ศาสนิกชน และภาครัฐ ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิก ประกอบการพิจารณาคำขอให้รับรองวัดคาทอลิก และให้ คณะกรรมการเสนอคำขอดังกล่าวพร้อมความเห็นประกอบไปยังรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณารับรองวัดคาทอลิกต่อไป
ทั้งนี้ มติที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอความเห็นของคณะกรรมการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับรองวัดคาทอลิก จำนวน 34 วัด โดยมอบกรม การศาสนาในฐานะฝ่ายเลขานุการดำเนินการตามกระบวนการต่อไป
นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีวัดคาทอลิกที่มีอยู่แล้วก่อน การประกาศใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยแนวทางการพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิกที่ยังไม่ได้การรับรองอีกจำนวนมาก ซึ่งกรมการศาสนาจะได้ประสานกับสภาประมุข บาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ให้เร่งรัดการดำเนินการ ยื่นแบบการขอให้รับรองวัด ตามกำหนดเวลาภายใน 2 ปี สำหรับการจัดตั้งวัดคาทอลิกขึ้นใหม่นั้น ตามระเบียบกำหนดให้ ยื่นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก กรมการศาสนา จึงได้พัฒนาระบบยื่นคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิก (E-Service) ขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามหลักการดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย ของรัฐบาลในการส่งเสริมให้ภาคราชการมีระบบ Government e-Service มาใช้ยกระดับขีดความสามารถรัฐ ในการให้บริการ ประชาชนที่สะดวก รวดเร็ว เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด คล่องตัว ในการบริการประชาชน สร้างความเชื่อมั่นของภาค ประชาชนต่อระบบ E-Service ของภาครัฐ ซึ่งทำให้การยื่นคำขอ จัดตั้งวัดคาทอลิกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้กรมการศาสนาได้จัดอบรมการใช้งานให้แก่ผู้เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดเปิดใช้ระบบดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit