ทีเส็บนำไทยคว้างานประชุมยูนิซิตี้ ผู้นำธุรกิจนานาชาติเข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน

20 Jul 2022

บริษัทอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ยูนิซิตี้ เลือกประเทศไทยเป็นที่ประชุมผู้บริหารกว่าหมื่นคนจากสาขาทั่วโลกกว่า 50 ประเทศในต้นเดือนสิงหาคม เพราะมั่นใจในความพร้อมของไทย นอกจากการประชุมระหว่าง 5-7 สิงหาคมแล้ว ผู้เข้าร่วมประชุมจะเดินทางท่องเที่ยวในพัทยาและภูเก็ต ทำให้คาดว่ากิจกรรมครั้งนี้จะสร้างรายได้เข้าไทยประมาณ 660 ล้านบาท

ทีเส็บนำไทยคว้างานประชุมยูนิซิตี้ ผู้นำธุรกิจนานาชาติเข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า ยูนิซิตี้ บริษัทธุรกิจขายตรงด้านสุขภาพที่มีสาขามากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดประชุม 2022 Unicity Global Leadership & Innovation Conference ซึ่งเป็นการประชุมระดับโลกที่รวมสุดยอดผู้นำธุรกิจกว่า 10,000 คน โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 สิงหาคม 2565 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นับเป็นงานประชุมองค์กรนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดหลังจากเปิดประเทศ

"ช่วงนี้สถานการณ์ของโควิด 19 เริ่มคลี่คลายและไทยเข้าสู่การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ประเทศไทยได้รับความสนใจ บริษัทนานาชาติต่างก็เชื่อมั่นในความพร้อมของไทย เพราะเรามีมาตรการป้องกันและควบคุมที่ดี ทีเส็บถือโอกาสนี้เข้าร่วมชักจูง และอำนวยความสะดวกเต็มที่จนเกิดการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลเข้ามาอย่างคึกคัก"

นางศุภวรรณ กล่าวต่อไปว่า ทีเส็บสนับสนุนการจัดงาน 2022 Unicity Global Leadership & Innovation Conference ทั้งด้านงบประมาณบางส่วน และการให้บริการครบวงจร อาทิ การอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองผ่านบริการช่องทางไมซ์เลน (MICE Lane Service) แก่ผู้บริหารและทีมงานที่เข้ามาตั้งแต่ระหว่างการเตรียมงาน ตลอดจนประสานงานกับสถานทูตและสถานกงสุลทั่วโลก อำนวยความสะดวกในการทำวีซ่าเข้าสู่ประเทศไทยสำหรับผู้เข้าร่วมงานจากนานาประเทศ

การจัดงานนี้ คาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจของไทย เช่น ค่าสถานที่จัดงาน ค่าบริษัทดูแลการจัดงาน ค่ารถรับส่ง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้เข้าร่วมงาน ตลอดจนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าและบริการในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งหลังจากการประชุมผู้เข้าร่วมงานจะเดินทางออกสู่จังหวัดต่าง ๆ อาทิ จังหวัดภูเก็ต และเมืองพัทยา โดยประมาณการว่าจะสร้างเศรษฐกิจกระจายรายได้ให้ประเทศได้ถึง 660 ล้านบาท

มร. คริสโตเฟอร์ คิม ประธานบริหาร ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดงาน 2022 Global Leadership and Innovation Conference ที่สร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด "IT'S TIME TO FEEL GREAT" ให้ชีวิตพร้อมเดินหน้าสู่ความสำเร็จร่วมกันว่า ยูนิซิตี้ มีความพร้อมอย่างมากในการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นงานที่เหล่านักธุรกิจยูนิซิตี้ต่างเฝ้ารอที่จะฉลองความสำเร็จร่วมกัน รวมทั้งปลุกพลังความแข็งแกร่งให้แก่สมาชิกเพื่อพร้อมที่จะสร้างชีวิตที่ดีกว่า (Make Life Better) ไปด้วยกัน แม้ว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับผลกระทบจากโควิด 19 ทำให้ต้องสูญเสียหลากหลายมิติทางความสุขในชีวิตไป แต่สำหรับยูนิซิตี้แล้ว นี่คือความท้าทายครั้งสำคัญที่เราต้องฝ่าไปให้ได้ และเราสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราทำได้และทำได้ดีจนเกิดเป็นพลังแห่งความสำเร็จร่วมกันในครั้งนี้ และพร้อมจะแบ่งปันความสำเร็จเหล่านั้นไปสู่ผู้คนรอบข้างอย่างไม่หยุดยั้ง

"การกลับมาจัดงานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกในประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ ยูนิซิตี้ ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการจัดงาน Global Leadership and Innovation Conference ในปี 2014 โดยการจัดงานทั้ง 2 ครั้งล้วนได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ และด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของไทย ตลอดจนความโดดเด่นในฐานะประเทศในฝันของเหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทำให้ ยูนิซิตี้ มั่นใจที่จะใช้ไทยเป็นพื้นที่จัดงานดังกล่าวอีกครั้ง ที่สำคัญยังเป็นการประกาศความสำเร็จในการเติบโตทางธุรกิจของยูนิซิตี้ในภูมิภาคเอเชียที่ขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในหลายประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าการจัดงานในครั้งนี้จะช่วยนำกลุ่มนักธุรกิจยูนิซิตี้จากกว่า 50 ประเทศ เข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้มากกว่า 10,000 คน ซึ่งจะช่วยสร้างให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในไทยได้อย่างแน่นอน" มร. คริสโตเฟอร์ คิม กล่าวแสดงความเชื่อมั่น

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2565 ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน ทีเส็บ ประมาณการว่าจะมีกลุ่มองค์กรนานาชาติเพื่อการประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 25 กลุ่ม รวมจำนวนกว่า 15,138 ราย ทั้งจากประเทศอินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อังกฤษ และเวียดนาม ฯลฯ สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจไทยกว่า 1,000 ล้านบาท

HTML::image(