จากกรณีที่ธนาคารกลางเมียนมาประกาศคำสั่งไปยังภาคเอกชนทุกประเภทธุรกิจให้ระงับชำระหนี้ทั้งเงินต้นและเงินดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ในต่างประเทศ และยังสั่งห้ามนำเข้ารถยนต์ น้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงสินค้าฟุ่มเฟือยต่าง ๆ บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ" หรือ "META") ผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานโรงไฟฟ้ามินบูในเมียนมาได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากมาตรการที่เพิ่งออกมาของแบงก์เมียนมา เนื่องจาก GEPM (Myanmar) Co., Ltd. ("GPEM") ซึ่งเป็นบริษัทที่ META และรวมถึง ECF, SCN, และ AQ ได้เข้าไปลงทุนเพื่อดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับทางกระทรวงพลังงานของเมียนมา ไม่ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินจากต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในการประกอบธุรกิจโรงงานไฟฟ้าฯ
โดย นาย ศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ กล่าวถึงรายละเอียดในกรณีนี้ว่า แม้ว่า META จะดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าในเมียนมามาเป็นเวลานานแล้วก็จริง แต่ยืนยันว่ามาตรการที่เพิ่งถูกประกาศออกมาของธนาคารกลางเมียนมานั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างแน่นอน เนื่องด้วยโครงการโรงไฟฟ้ามินบูไม่มีการกู้เงินจากแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศใด ๆ เพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างและดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้น ด้วยเหตุนี้ทาง GEPM จึงไม่มีการนัดชำระเงินกู้หรือจ่ายดอกเบี้ยตามที่เกี่ยวข้องกับมาตรการล่าสุดของธนาคารกลาง เช่นเดียวกับบริษัทยักษ์ใหญ่หลายเจ้าในประเทศไทยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเช่นกัน เป็นการตอกย้ำความเข้มแข็งและน่าเชื่อถือของ META ในฐานะผู้ลงทุนและดำเนินธุรกิจพลังงานในเมียนมาอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังแจ้งเพิ่มเติมว่า เนื่องด้วยธุรกิจโรงไฟฟ้าฯ ของ META เป็นธุรกิจสาธารณูปโภคซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของประเทศเมียนมา จึงไม่ได้เป็นสินค้าในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว ในส่วนการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้านั้นยังสามารถรับรู้ได้ตามปกติ ทำให้บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากคำสั่งล่าสุดของธนาคารกลางเมียนมา
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit