นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจแม็คโคร กล่าวว่า "ด้วยพันธกิจในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกในภูมิภาคเอเชีย กลุ่มธุรกิจแม็คโคร มุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ และมีการขยายตำแหน่งงานเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยปีนี้มีแผนการเปิดตำแหน่งงานใหม่เพิ่มกว่า 3,300 ตำแหน่ง โดยเฉพาะในสายงาน O2O อีคอมเมิร์ซ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะสร้าง New S-Curve ให้กับองค์กร นอกจากนี้ยังเป็นการดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่จะช่วยผลักดันองค์กรให้ขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรค้าส่งค้าปลีกยุคใหม่ (New Retail)
"กลุ่มธุรกิจแม็คโครมีความต้องการบุคลากร เพื่อรองรับการขยายสาขาและธุรกิจดิจิทัลอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบุคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านอีคอมเมิร์ซ และดิจิทัล ดังจะเห็นได้จากการที่ แม็คโครได้รับการจัดอันดับจากจ๊อบไทย (Job Thai) ในปี 2564 ว่าเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีคนรุ่นใหม่สนใจร่วมงานมากที่สุด "
พร้อมกันนี้ยังได้วางยุทธศาสตร์การพัฒนาบุคลากร ด้วยการพัฒนาทักษะเดิม (Upskill) และเพิ่มเติมทักษะใหม่ (Reskill) พร้อมกับวางแผนการพัฒนาทีมผู้บริหารเชิงรุก เพื่อรองรับกลยุทธ์การเติบโตอย่างต่อเนื่องและมุ่งเป้าสู่การเป็นธุรกิจค้าส่งค้าปลีกชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย
นอกจากการพัฒนาบุคลากรให้มีความเก่ง มีทักษะรอบด้านแล้ว กลุ่มธุรกิจแม็คโครยังยึดถือแนวทางสำคัญในการพัฒนาบุคลากรของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เน้นเรื่อง การทำเร็วและมีคุณภาพ ทำเรื่องยากเป็นเรื่องง่าย ยอมรับการเปลี่ยนแปลง สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ซื่อสัตย์และมีคุณธรรม รวมถึงหลัก 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน นั่นคือ ทำเพื่อประเทศชาติ ชุมชน สังคม และองค์กร
ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจแม็คโคร มีการดำเนินงานใน 10 ประเทศทั่วโลก โดยกลุ่มค้าส่งแม็คโครมีสาขาทั้งหมด 153 สาขา ส่วนกลุ่มค้าปลีกโลตัส มีจำนวนสาขาในไทยมากกว่า 2,300 แห่ง ในมาเลเซีย 64 แห่ง ซึ่งยังคงมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการขยายแพลตฟอร์มดิจิทัลในตลาดอีคอมเมิร์ซ อย่าง maknet แอปพลิเคชั่น B2B มาร์เก็ตเพลสที่เป็นตลาดค้าส่งออนไลน์, แม็คโครคลิก และ Lotus's แอปพลิเคชั่น
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit