AIS Business 5G เผยความสำคัญของเทคโนโลยี 5G ในการขับเคลื่อนองค์กรและธุรกิจ ชี้ภาคการผลิตมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อปรับตัวสู่ Smart Manufacturing

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-อุตสาหกรรม9 นับได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเร่งตัวในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการปรับตัวขององค์กรและธุรกิจเพื่อการดำเนินต่อหน้าอย่างไม่สะดุด โดยสิ่งหนึ่งที่องค์กรและธุรกิจต้องเร่งปรับตัวและนำมาปรับใช้กับการขับเคลื่อนธุรกิจของตนเอง คือ การนำเทคโนโลยีที่มีประโยชน์และใช้ได้จริงมาปรับใช้ในอุตสาหกรรม เพื่อให้การดำเนินงานสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะในภาคการผลิตซึ่งเทคโนโลยี 5G เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มสิ่งเหล่านี้

AIS Business 5G เผยความสำคัญของเทคโนโลยี 5G ในการขับเคลื่อนองค์กรและธุรกิจ  ชี้ภาคการผลิตมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อปรับตัวสู่ Smart Manufacturing

AIS Business 5G เผยศักยภาพเทคโนโลยี 5G ที่จะช่วยภาคการผลิตขององค์กรและธุรกิจได้อย่างไม่สะดุด ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจทำให้การขับเคลื่อนธุรกิจของหลายๆ องค์กรอาจต้องสะดุด แต่ 5G จะเป็นเทคโนโลยีที่เข้าสนับสนุนการทำงานในภาวะวิกฤตได้ สำหรับเทคโนโลยี 5G ของ AIS ซึ่งเป็นเครือข่ายคุณภาพอันดับหนึ่งของเมืองไทยและมีคลื่นความถี่ที่มากที่สุด ประสิทธิภาพดีที่สุด ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทำให้สามารถสนับสนุนการใช้งานได้ในหลายหลากรูปแบบ อาทิ การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตไร้สาย และการใช้ในอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยความแตกต่างของเทคโนโลยี 5G จะสามารถสร้าง Ecosystem ที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลได้ ดังนี้

  • 5G เป็นเทคโนโลยี Wireless Technology (Cellular) ที่มีขีดความสามารถสูงกว่าที่ผ่านมาในอดีต จุดเด่นประกอบไปด้วย Bandwidth ที่มากกว่า, Latency ที่ต่ำกว่า ทำให้มีประสิทธิภาพสูงเมื่อนำไปใช้กับการนำไปใช้ในเรื่องของ Automation โดยเมื่อนำไปใช้กับโรงงานการทำ Automation ด้วยสัญญาณ Wireless Technology ที่มี Latency ต่ำมาก ๆ 5G จะโดดเด่นมากในเรื่องนี้
  • Massive IoT 5G มีความสามารถที่จะรองรับ Device ต่าง ๆ ได้ในปริมาณมาก และจากเทรนด์ในอนาคตเรื่องของ Smart City ที่จะเข้ามาพร้อมกับการเติบโตของจำนวน อุปกรณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ 5G ก็จะเพิ่มความ Advance ขึ้นไปอีกระดับ
  • ความโดดเด่นของ 5G เมื่อเทียบกับ Wifi มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า มีความปลอดภัยที่สูงกว่าเพราะผู้ใช้งานต้องได้รับอนุญาติ ในขณะที่ Wifi คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย และ 5G ก็มีความเสถียรกว่าอีกด้วย
  • เนื่องจาก 5G ถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นเรื่องของการ hand-over คือ การเปลี่ยน Coverage จากสถานีฐานแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง ในขณะที่ wifi ไม่มี technology นี้ ดังนั้นเมื่อมีการใช้งานในพื้นที่กว้าง wifi ก็จะเสียเปรียบ จึงเหมาะกับอุตสาหกรรมที่ใช้งานด้าน Robot จะใช้งานได้แบบ seamless แบบสมบูรณ์
  • 5G Network slicing จะทำให้การบริหาร Bandwidth ทำได้ดี จะสามารถทำ Quality of service ได้ ขณะที่ technology cellular อื่น ๆ ไม่มีเมื่อเทียบกับตระกูลของ Wireless ด้วยกัน
  • 5G เมื่อเปรียบเทียบกับ Cable ความเด่นคือมีความยืดหยุ่น (Flexibility) และมีเรื่องของความคล่องตัว (Mobility) โดยตัวอย่างในเรื่องของความยืดหยุ่น (flexibility) อย่างเช่น ในโรงงานที่มีการย้ายไลน์การผลิตหรือเปลี่ยน Layout ภายในโรงงาน เทคโนโลยี 5G ก็ไม่ต้องเสียเวลาในการจัดการสาย Cable ใหม่ ทำให้สายการผลิตไม่ต้องรอการเดินสาย แต่สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง

ที่ผ่านมา AIS มุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี 5G มาโดยตลอด เพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างภาคเศรษฐกิจและรองรับข้อมูล, จำนวนอุปกรณ์ ในพื้นที่ต่างๆ หลายเครื่องในคราวเดียวกัน รวมถึงการทำ Transformation ในภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถใช้ 5G ภายในเน็ตเวิร์คเดียวได้กับทุกอุปกรณ์ โดยเทคโนโลยี 5G จะช่วยเพิ่มและรองรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Automation การใช้ AI, Cloud Base และ Robot โดยที่ Robot จะสามารถทำงานได้หลากหลายมากขึ้น รวมถึงเรื่องการขนส่งที่จะเห็นได้จากการส่งข้อมูลที่ภายในรถยนต์และเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ นอกจากนี้ยังมี AR และ VR ที่จะมีการนำมาใช้เพื่อสร้างกิจกรรมที่สำคัญ เช่น การผ่าตัดที่มีความสำคัญและต้องการความแม่นยำสูง อย่างเช่น คุณหมออยู่คนละที่แล้วช่วยผ่าตัดให้กับคนไข้ที่อยู่อีกโรงพยาบาลได้

นอกจากนี้ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการนำ 5G ไปใช้และเกิดประโยชน์มากที่สุดก็ คือ ภาคการผลิตโดยมีสัดส่วน 49% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุด ถัดมาคือ Retail 20%, Transportation 10%, Agriculture 8%, Mining & Energy 5%, Healthcare 4%, Financial 3% ตามลำดับ โดยความสำคัญของเทคโนโลยี 5G กับบทบาทของภาคการผลิตเพื่อปรับตัวสู่การเป็น Smart Manufacturing มีดังนี้

  • High Speed: Enhanced Mobile Broadband [20x : up to 20Gbps]
    เนื่องจากเทคโนโลยี 5G สามารถรองรับปริมาณ Traffic ได้เร็วขึ้น 20 เท่า โดยสามารถรองรับได้ถึง 20GBps
  • Very Fast Response: Ultra-reliable & Low latency communications [30x : single-digit msec]
    ความสามารถในการตอบสนองในการใช้งานของผู้ที่อยู่ใน 5G Network สามารถตอบสนองคำสั่งไปยังอุปกรณ์การใช้งานได้เร็วระดับต่ำกว่า 10 msec
  • Coverage & Mobility: Indoor / Outdoor coverage Seamless Handover [No connection drop]
    5G สามารถเปิดใช้งานให้บริการในระยะทางที่สามารถ Optimize ได้ ตั้งแต่ระดับหลายร้อยเมตรจนถึงระดับกิโลเมตร รองรับการใช้งานจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งไม่มีการสะดุด
  • Network Slicing: QoS management per service type
    จากแนวคิด Outside-in ทำอย่างไรให้มี Network Technology ที่สามารถใช้งานในหลายภาคส่วนและหลายอุตสาหกรรมได้ เพราะไม่ใช่เพียงการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ที่หนึ่งไปยังอุปกรณ์ที่สองได้ แต่จะทำอย่างไรให้ Trafiic ที่ถูกนำไปใช้งานสามารถใช้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการแก้ปัญหาดังกล่าวทำให้สามารถนำมาใช้ได้กับหลากหลายอุตสาหกรรมในปัจจุบันและเกิดประโยชน์อย่างมาก
  • Edge Computing: Real time processing at local area
    5G ไม่ได้มาด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียว ซึ่งมากับระบบ Computing network ที่กำลังมาแรงในปัจจุบันด้วย สิ่งที่เสริมเพิ่มเข้ามาคือเรื่องของ Edge computing สามารถทำให้ใช้งานและประมวลผลได้เร็วยิ่งขึ้น
  • Private 5G Network: Robust security and Privacy
    ถือเป็น Highlight ของ 5G เพราะเป็นการทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจทั้งเรื่องความเป็นส่วนตัว (Privacy), ความปลอดภัย (Security) เพื่อให้การใช้งานแบบ Private ในองค์กรมีความปลอดภัยสูงสุด

เทคโนโลยี 5G นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการสร้าง Ecosystem ที่จะตอบโจทย์ให้กับภาคการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องของการขับเคลื่อนการดำเนินการ ความคล่องตัวในการทำงาน อีกทั้งยังสร้างความมั่นใจได้ทั้งในเรื่องของความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่จะช่วยให้ทุกการทำงานเทคโนโลยีสะดวกและปลอดภัยได้อย่างแท้จริง

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสมัครหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมขายที่ดูแลองค์กรของท่าน หรือ เว็บไซต์ AIS Business https://business.ais.co.th/

เกี่ยวกับ AIS
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ผู้นำด้าน Digital Life Service Provider อันดับ 1 ที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการมากที่สุดรวม 1420 MHz และมีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดกว่า 42.7 ล้านเลขหมาย (ณ มีนาคม 2564) พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี 5G ที่ครบ 77 จังหวัดแล้วเป็นรายแรกผ่าน 3 สายธุรกิจ ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ AIS Fibre และบริการดิจิทัล 5 ด้าน ได้แก่ วิดีโอ คลาวด์ ดิจิทัลเพย์เมนท์ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) และบริการร่วมกับพาร์ทเนอร์ตลอดจนขยายสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ อาทิ AIS eSports, AIS Insurance Service ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศขยายขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยไปพร้อมกัน


ข่าวAIS Business+ขับเคลื่อนวันนี้

AIS, in collaboration with Krungthai, becomes the first telco to offer "PromptBiz" via Krungthai BUSINESS, streamlining operations of its business customers and advancing digital economy

Tanapong Ittisakulchai, Chief Enterprise Business Officer at Advance Info Services Public Company Limited (AIS), expressed enthusiasm about supporting businesses of all sizes in adopting technology for digital transformation. This collaboration with Krungthai Bank leverages the Krungthai BUSINESS platform to offer AIS Business customers "PromptBIZ," a comprehensive financial and payment infrastructure for business transactions. This digital solution facilitates seamless cross-bank operations,