ธนาคารทิสโก้เตือนลูกค้าชะลอลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังราคาหุ้นขึ้นมามากเมื่อเทียบกับในอดีต ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาด COVID -19 เริ่มดีขึ้นอาจทำให้กำไรของธุรกิจวิ่งตามไม่ทันราคาหุ้น แถมยังต้องเผชิญปัจจัยลบจากดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ขยับตัวเพิ่มขึ้น กดดันมูลค่าหุ้นในอนาคต
นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID - 19 ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลายบริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก จนผลักดันให้ราคาทะยานตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยบางบริษัทพุ่งขึ้นสูงกว่า 100% เช่น บริษัท Zoom Video Communications ผู้พัฒนาแอพพลิเคชันสำหรับการประชุมออนไลน์ ราคาหุ้นในช่วงเดือนมีนาคมถึงตุลาคมปี 2563 ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 700% ดันให้อัตราราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ไปอยู่ที่เกือบ 300 เท่า
หรือแม้กระทั่ง Tesla ผู้ผลิตและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ก็พบว่านับตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2563 ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ราคาหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลถึง 1,000% ผลักให้ P/E พุ่งไปอยู่ที่กว่า 1,700 เท่า ซึ่งธนาคารทิสโก้ มีความเห็นว่าราคาหุ้นเทคโนโลยีหลายบริษัทปรับขึ้นไปมากแล้ว และอาจมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลงได้ หากมีปัจจัยลบเข้ามากดดัน
"ต้องยอมรับว่าหุ้นเทคโนโลยีหลายตัวปรับขึ้นมามากแล้ว และธนาคารทิสโก้ก็เริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างที่จะกดดันราคาหุ้นเทคโนโลยีในอนาคต เช่น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ (Bond Yield) เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมาจึงเริ่มแนะนำให้ลูกค้า "ชะลอการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีไปบ้างแล้ว และในเร็วๆ นี้จะแนะนำหุ้นกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตมาเป็นทางเลือกให้ลูกค้าลงทุน ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ลูกค้าไม่น้อยไปกว่าการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี" นายณัฐกฤติกล่าว
สำหรับปัจจัยเสี่ยงของหุ้นเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นนั้น โดยสรุปแล้วมีทั้งสิ้น 2 ปัจจัย คือ 1. มูลค่า (Valuation) ที่ปรับตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับในอดีต และกำไรอาจตามไม่ทันราคาหุ้น โดยปัจจุบันดัชนี Nasdaq 100 ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีที่รวบรวมหุ้นเทคโนโลยีไว้มากที่สุด มีอัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้นใน 12 เดือนข้างหน้า (12 m Forward P/E Ratio) อยู่ที่ระดับ 39.6 เท่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 5 ปี และ 10 ปีก่อนหน้าที่ซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 26.1 เท่าและ 22.8 เท่าตามลำดับ
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมานั้นมาจาก นักลงทุนคาดหวังว่ากำไรของหุ้นเทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้นตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาพึ่งพาการใช้เทคโนโลยีในการดำเนินชีวิตช่วงที่ COVID - 19 แพร่ระบาด แต่ด้วยปัจจุบันการแพร่ระบาดมีแนวโน้มลดลง และรัฐบาลหลายประเทศเร่งฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้กับประชาชน สองประเด็นนี้อาจทำให้คนพึ่งพาเทคโนโลยีชะลอลงกว่าช่วงที่มีการแพร่ระบาดใหม่ๆ และส่งผลให้กำไรของธุรกิจเทคโนโลยีอาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ จึงมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงรับความผิดหวัง ปัจจัยข้างต้นจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวังในการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีในช่วงต่อจากนี้
2. การเร่งฉีดวัคซีน COVID - 19 อาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว หนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้น กดดันราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ตามหลักการการคำนวณมูลค่าหุ้นด้วยวิธีการคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow) หรือ DCF ซึ่งใช้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) เป็นเครื่องมือในการคำนวณมูลค่า พบว่า การลดลงของ Bond Yield ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีการเติบโตของกระแสเงินสดในอนาคตสูง เนื่องจากอัตราคิดลดที่ลดลงจะส่งผลให้มูลค่าปัจจุบัน (Present Value) ของกระแสเงินสดในอนาคตมีมูลค่าสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2564 เริ่มเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาว เช่น พันธบัตรอายุ 10 ปีได้ปรับตัวขึ้นมาจากระดับ 0.9% มาอยู่ที่ 1.10% และมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปถึง 1.40% ในเร็วๆ นี้ เป็นผลมาจากนักลงทุนคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับมาตรการต่างๆ ของสหรัฐฯ ที่กำลังเพิ่มออกมา ซึ่งการที่ Bond Yield กลับมาปรับตัวสูงขึ้นย่อมส่งผลกดดันต่อราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้
ธนาคารทิสโก้เคาะ 4 สินทรัพย์ เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง เหมาะลงทุนในไตรมาส 4/2567 ได้แก่ 1. หุ้นโลกคุณภาพสูง 2. หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ 3. ตราสารหนี้โลกระยะสั้นคุณภาพดี 4. กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โลก พร้อมแนะนำกลยุทธ์ให้นักลงทุนกระจายพอร์ตการลงทุนลดเสี่ยงตลาดผันผวนจากข่าวเลือกตั้งสหรัฐฯ นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ หลังเดือนกันยายน 2567 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ธ.ทิสโก้ คัดมาแล้วว่าคุ้ม ! ประกันโรคร้ายแรง ต้อง "TISCO CI Extra Care" เป็นกี่โรคร้าย ก็หายห่วงเบิกต่อได้ไม่ต้องรอ
—
ธนาคารทิสโก้ชี้ประกันโรคร้ายแรงที่คุ...
ธ.ทิสโก้เปิด 3 ธีมผู้ชนะ ปี 2567 รับมือเศรษฐกิจโลกชะลอ ดอกเบี้ยกลับทิศ กำไรบริษัทถูกปรับลด
—
ธนาคารทิสโก้เปิด 3 ธีมลงทุนเอาชนะปัจจัยลบปี 2567 ได้แก่ 1. สิ...
ธ.ทิสโก้ชี้เป้า 3 สินทรัพย์ทางรอด สร้างกำไรโค้งสุดท้ายปี 66 ซื้อ! ตราสารหนี้ต่างประเทศ หุ้นเฮลธ์แคร์ ทองคำ
—
ธนาคารทิสโก้แนะเพิ่มน้ำหนัก 3 สินทรัพย์ ได้แ...
ธ.ทิสโก้ เปิดทริก 'ลดหย่อนภาษี' ปิดความเสี่ยง ก่อน - หลัง เกษียณ รับสังคมอายุยืน 100 ปี
—
ธนาคารทิสโก้แนะวางแผนภาษีควบแผนเกษียณ รับสังคมอายุยืน 100 ปี ผ่า...
ธ.ทิสโก้แนะ ขายบอนด์ไทย ซื้อบอนด์โลก เน้นอันดับเรตติ้ง A+ ขึ้นไป
—
ธนาคารทิสโก้แนะขายตราสารหนี้ไทยซื้อตราสารหนี้โลก เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนสูงประมาณ 5% ขณะท...
ธ.ทิสโก้มั่นใจ ! หุ้นกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ - เวียดนาม จ่อขึ้นแรงตามหุ้นเทคฯ
—
ธนาคารทิสโก้มั่นใจ หุ้นนวัตกรรมการแพทย์ และหุ้นเวียดนาม จ่อขึ้นแรงเหมือนหุ้น...
ธ.ทิสโก้แนะ "ขาย" กองรีทสหรัฐฯ หนีเศรษฐกิจถดถอย โยก "ซื้อ" พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเพิ่มสัดส่วนการลงทุน หุ้นเทคฯ หุ้นไทย
—
ธนาคารทิสโก้แนะ "ขาย" กองรีทที่...
ธ.ทิสโก้ เชียร์ทยอยสะสมตราสารหนี้ หุ้นเทคฯ เฮลธ์ฯ จีน เวียดนาม สร้างรีเทิร์นรับ Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย !
—
ธนาคารทิสโก้ ฟันธง "สินทรัพย์คุณภาพสูง" ได้แก่ ตร...
ธ.ทิสโก้เชียร์ "คนรับความเสี่ยงต่ำ" ซื้อกองทุน Double Shark - Fin ปกป้องเงินต้น หุ้นลงหรือขึ้นก็มีโอกาสสร้างกำไร
—
ธนาคารทิสโก้แนะนักลงทุนรับความเสี่ยงได้...