อาลีบาบา กรุ๊ป รายงานผลประกอบการ ปีงบประมาณ 2563

25 May 2020

บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด รายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2563 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา โดยแดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “อาลีบาบาประสบความสำเร็จด้วยการมียอดขายรวม (Gross merchandise volume หรือ GMV) เกิน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 31.9 ล้านล้านบาท เป็นครั้งแรกในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของเราตลอดปีงบประมาณนี้ แม้ว่าจะมีหนึ่งไตรมาสที่เราได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการระบาดของโควิด-19 แต่ธุรกิจโดยรวมก็มีการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนลูกค้าที่ใช้งานเป็นประจำอยู่ 960 ล้านคนทั่วโลก ที่ผ่านมาโรคระบาดได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและการดำเนินงานขององค์กรต่างๆ ไปอย่างมาก ทำให้การเปิดรับและเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ดิจิทัลเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งอาลีบาบาก็ได้เตรียมพร้อมและจัดเตรียมเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กในทุกอุตสาหกรรมสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลได้ตามที่ต้องการ เพื่อฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบากและแข่งขันได้ในยุคนิวนอร์มอล เราเชื่อว่าการเน้นผลในระยะยาวและการลงทุนเพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้บริโภคและลูกค้าภาคธุรกิจ จะทำให้อาลีบาบาสามารถพลิกฟื้นจากวิกฤตนี้ได้อย่างเข้มแข็งและพร้อมสร้างการเติบโตมากขึ้นในอนาคต”

อาลีบาบา กรุ๊ป รายงานผลประกอบการ ปีงบประมาณ 2563

แม็กกี้ วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “แม้จะมีหนึ่งไตรมาสที่เราได้รับผลกระทบจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีนที่ลดลงเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 แต่เราก็สามารถทำรายได้ตลอดทั้งปีได้เหนือกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ที่ 5 แสนล้านหยวน รายได้ของเราเติบโตขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกในประเทศและรายได้จากธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งที่เติบโตเป็นอย่างดี กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA) เติบโตขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนว่าเรามีระเบียบวินัยในการจัดสรรทรัพยากรให้กับธุรกิจหลักที่มีการเติบโต ในขณะเดียวกันก็สามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แม้ว่าโรคระบาดจะส่งผลลบต่อธุรกิจหลักของเราคือการซื้อขายภายในประเทศจีนมาตั้งแต่เดือนมกราคม แต่เราก็ได้เห็นการฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมีนาคม จากมุมมองของเราเมื่อดูจากสถานการณ์การบริโภคภายในประเทศและความต้องการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลขององค์กรต่างๆ เราคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 6.5 แสนล้านหยวนในปีงบประมาณ 2564”

ข้อมูลที่น่าสนใจจากผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2563 เมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม

  • รายได้รวม (Revenue) อยู่ที่ 509,711 ล้านหยวน หรือ 71,985 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2,296,321 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • จำนวนลูกค้าประจำต่อปี (Annual active consumers) ในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาลีบาบาแตะ 960 ล้านคนทั่วโลก แบ่งเป็นผู้บริโภคในจีน 780 ล้านคน และนอกตลาดจีน 180 ล้านคน ส่วนจำนวนลูกค้าประจำในตลาดค้าปลีกจีนอยู่ที่ 726 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 72 ล้านคนในรอบ 12 เดือน เมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563
  • ผู้ซื้อเป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือ (Mobile MAUs) ในตลาดค้าปลีกจีนสูงถึง 846 ล้านคน เมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563 เพิ่มขึ้น 125 ล้านคน เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2562
  • ยอดขายรวม (GMV) ที่วัดจากธุรกรรมทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาลีบาบา อยู่ที่ 7.53 ล้านล้านหยวน หรือ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 31.9 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2563 ซึ่งหลักๆ แล้วมาจากตลาดค้าปลีกจีน 6.589 ล้านล้านหยวน หรือ 9.54 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 30.4 ล้านล้านบาท) และอีกส่วนหนึ่งมาจากตลาดต่างประเทศและบริการสำหรับผู้บริโภคท้องถิ่น
  • กำไรจากการดำเนินการ (Income from operations) อยู่ที่ 91,430 ล้านหยวน หรือ 5,682 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 181,255 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITDA) และคำนวณแบบ non-GAAP เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 157,659 ล้านหยวน หรือ 22,266 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 710,285 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA) และคำนวณแบบ non-GAAP อยู่ที่ 137,136 ล้านหยวน หรือ 19,367 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 617,807 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • กำไรจากการพาณิชย์หลักที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA for core commerce) อยู่ที่ 165,800 ล้านหยวน หรือ 23,415 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 746,938 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้วของธุรกิจมาร์เก็ตเพลส (Market place-based core commerce adjusted EBITA) และคำนวณแบบ non-GAAP เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 192.771 ล้านหยวน หรือ 27,224 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 868,445 ล้านบาท)
  • กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นสามัญ (Net income attributed to ordinary shareholders) อยู่ที่ 149,263 ล้านหยวน หรือ 21,080 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 672,452 ล้านบาท) กำไรสุทธิ (Net income) เท่ากับ 140,350 ล้านหยวน หรือ 19,821 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 632,289 ล้านบาท) กำไรสุทธิที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP net income) คิดเป็น 132,479 ล้านหยวน หรือ 18,710 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 596,849 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • กำไรต่อหุ้นปรับลดในตลาดหุ้นสหรัฐ (Diluted earnings per ADS) เท่ากับ 55.93 หยวน หรือ 7.90 เหรียญสหรัฐ (ราว 252 บาท) กำไรต่อหุ้นปรับลดในตลาดหุ้นสหรัฐที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP diluted earnings per ADS) เท่ากับ 52.98 หยวน หรือ 7.48 เหรียญสหรัฐ (ราว 238 บาท) เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กำไรปรับลดต่อหุ้น (Diluted earnings per share) เท่ากับ 6.99 หยวน หรือ 0.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 31 บาท) และกำไรปรับลดต่อหุ้นที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP diluted earnings per share) เท่ากับ 6.62 หยวน หรือ 0.93 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 29 บาท) เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน (Net cash provided by operating activities) อยู่ที่ 180,607 ล้านหยวน หรือ 25,507 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 813,673 ล้านบาท) ส่วนกระแสเงินสดสุทธิที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP free cash flow) อยู่ที่ 130,914 ล้านหยวน หรือ 18,489 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 589,799 ล้านบาท)

กลยุทธ์และแผนธุรกิจล่าสุด
ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาลีบาบา

ธุรกิจซื้อขายในตลาดผู้บริโภคของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาลีบาบา ซึ่งประกอบด้วยตลาดค้าปลีกในจีน ตลาดค้าปลีกในต่างประเทศ และบริการสำหรับผู้บริโภคท้องถิ่น มียอดขายรวม 7.503 ล้านล้านหยวน หรือ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 31.9 ล้านล้านบาท) ในรอบ 12 เดือนเมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยเมื่อเดือนกันยายน 2562 ที่เป็นโอกาสครบรอบ 20 ปีของอาลีบาบา เราได้ตั้งเป้าหมายในระยะ 5 ปีเอาไว้ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกิจของเราใน “การทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้ง่ายจากทุกที่” ได้แก่

  • ขยายธุรกิจไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
  • ให้บริการลูกค้าในจีนให้ได้มากกว่า 1 พันล้านคน
  • ทำยอดขายรวมบนแพลทฟอร์มของเราให้ได้มากกว่า 10 ล้านล้านหยวน

ซึ่งเป้าหมายในระยะ 5 ปีนี้ จะเป็นแนวทางเพื่อให้เราไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ในปี 2579 คือ

  • ให้บริการลูกค้าให้ได้ 2 พันล้านคนทั่วโลก
  • ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจ 10 ล้านรายมีกำไร
  • สร้างงาน 100 ล้านตำแหน่ง

ทั้งนี้ อาลีบาบาได้ให้บริการผู้บริโภคทั้งหมดผ่านแพลทฟอร์มหนึ่งเดียวซึ่งมีช่องทางแยกย่อยไปยังบริการต่างๆ โดยเมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 มีผู้บริโภคในจีน 780 ล้านคนที่เคยใช้บริการอาลีบาบา ทั้งจากร้านค้าปลีกของเราในจีน และบริการผู้บริโภคในท้องถิ่น รวมถึงแพลทฟอร์มสื่อดิจิทัลและความบันเทิงของเรา ในจำนวนผู้บริโภคเหล่านี้นับเป็น 85% ของคนที่อาศัยในเมือง และ 40% ของคนที่อาศัยอยู่ในชนบท เรายังขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศโดยมีลูกค้าที่ใช้งานประจำในตลาดค้าปลีกต่างประเทศมากกว่า 180 ล้านคน โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของเรา เช่น สมาร์ทโลจิสติกส์ และคลาวด์คอมพิวติ้งซึ่งทำงานอยู่ในธุรกิจของเราทั้งแพลทฟอร์มซื้อขาย บริการท้องถิ่น และความบันเทิง ช่วยให้เราได้รับข้อมูลเชิงลึกที่นำมาใช้พัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ นอกจากนี้เรายังให้บริการระบบปฏิบัติการธุรกิจอาลีบาบา หรือ Alibaba Business Operating System (ABOS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้ลูกค้าองค์กรและพาร์ทเนอร์ของเราเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ดิจิทัลได้ประสบความสำเร็จ

การระบาดของโควิด-19
โครงการช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจ

การระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการปิดสถานบริการบางแห่งชั่วคราว การเว้นระยะห่างทางสังคม และการห้ามเดินทางท่องเที่ยว มาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2563 สิ่งเหล่านี้ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีนลดลง โดยในช่วงแรกที่เกิดวิกฤตในจีน ข้อกังวลที่กดดันองค์กรต่างๆ มากที่สุดก็คือเรื่องความต่อเนื่องทางธุรกิจ ซึ่งทางแก้ที่เรานำมาใช้มีตั้งแต่การทำให้ซัพพลายเชนทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ลดค่าธรรมเนียม ช่วยสร้างโอกาสในการหารายได้ ปรับปรุงกระแสเงินสด และการทำงานจากที่บ้าน เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราได้ช่วยให้ผู้ขายก้าวข้ามความท้าทาย นอกจากนี้เรายังนำมาตรการเชิงรุกมาใช้เพื่อให้พันธกิจของเราเป็นไปตามเป้าหมายด้วย

ความรับผิดชอบต่อสังคม

เรานำเทคโนโลยีบนแพลทฟอร์มและทรัพยากรต่างๆ ในอีโคซิสเต็มมาใช้เพื่อสนับสนุนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทั้งในจีนและทั่วโลก ได้แก่

  • บริจาคอุปกรณ์ PPE และอุปกรณ์ทางการแพทย์ – จากการทำงานร่วมกันระหว่างมูลนิธิอาลีบาบา และมูลนิธิแจ็ค หม่า รวมทั้งมูลนิธิโจและคลาร่า ไช่ ได้มีการบริจาค PPE หรืออุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ชุดทดสอบ และเครื่องช่วยหายใจ รวมทั้งหมดมากกว่า 200 ล้านชุดไปยัง 150 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดยทีมอลล์ โกลบอล, ทีมอลล์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, Alibaba.com และลาซาด้า ได้ทำหน้าที่จัดหา ตรวจสอบ และจัดซื้อสิ่งของบริจาคที่ขาดแคลนเหล่านี้
  • จัดส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ – ไช่เหนียวซึ่งเป็นธุรกิจโลจิสติกส์ของเราได้ทำหน้าที่จัดส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปยังจุดหมายปลายทางทั่วโลก ผ่านเครือข่ายโลจิกติกส์ที่ครอบคลุมทั้งสนามบิน การผ่านพิธีการทางศุลกากร บริษัทรถบรรทุก และพนักงานขนส่งในแต่ละพื้นที่
  • แบ่งปันความรู้ - มูลนิธิอาลีบาบา และมูลนิธิแจ็ค หม่า ได้ร่วมกันก่อตั้งแพลทฟอร์มแบ่งปันแบบออนไลน์ในชื่อ Global MediXchange for Combating COVID-19 (GMCC) เพื่อเอื้อให้เกิดการแบ่งปันข้อปฏิบัติและความรู้ในการต่อสู้กับโรคระบาดในหมู่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลกในแบบเรียลไทม์ ให้บริการใน 11 ภาษา โดยมีบุคลากรด้านสาธารณสุขเกือบ 1 หมื่นคนจาก 120 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วมอยู่ใน GMCC
  • สนับสนุนเงินทุนในการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง - สำหรับในประเทศจีน อาลีบาบาได้บริจาคเงินพิเศษเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้กับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
  • เทคโนโลยีเอไอ – เราได้ติดตั้งเทคโนโลยีเอไอให้กับโรงพยาบาลในจีนมากกว่า 550 แห่ง เพื่อช่วยเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบซีทีสแกน
  • สร้างงาน - เฟรชฮิปโป และเว็บ Ele.me รวมทั้งคูเป่ย ได้เปิดตัวโครงการแบ่งปันพนักงาน โดยจ้างพนักงานของธุรกิจในภาคการบริการที่ต้องปิดกิจการชั่วคราวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ซึ่งรวมถึงร้านอาหาร โรงแรม โรงภาพยนตร์ และห้างสรรพสินค้า

โอกาสทางธุรกิจ

การระบาดของโควิด-19 เป็นโอกาสที่ทำให้ผู้บริโภคเปิดกว้างต่อวิถีชีวิตแบบดิจิทัลมากขึ้น และเปลี่ยนมาซื้อสินค้าที่จำเป็นแบบออนไลน์ ธุรกิจต่างๆ ก็หันมาใช้เครื่องมือดิจิทัลและโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตและจัดการการดำเนินงาน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอาลีบาบาถือเป็นผู้บุกเบิกและพัฒนาธุรกิจที่เอื้อต่อการนำเทรนด์เหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจได้ในระยะยาว เห็นได้จาก

  • จำนวนผู้ขายบนแพลทฟอร์มมีเพิ่มมากขึ้น – เราได้เห็นจำนวนผู้ขายที่เปลี่ยนจากการขายเฉพาะหน้าร้าน มาขายผ่านออนไลน์มากขึ้น จำนวนผู้ขายในแต่ละวันที่เข้ามาไลฟ์สตรีมสินค้าผ่านเถาเป่าไลฟ์ในระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2563 เพิ่มขึ้นถึง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
  • การค้าปลีกรูปแบบใหม่ (ในกลุ่มร้านขายของชำ) - เฟรชฮิปโป ซึ่งเป็นเชนซูเปอร์มาร์เก็ตของอาลีบาบา มีการเติบโตที่แข็งแกร่งในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม เนื่องจากคำสั่งซื้อจากลูกค้าผ่านออนไลน์ และความถี่ในการซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมียอดสั่งซื้อต่อครั้งที่มากขึ้น
  • ดิงทอล์ค - ในเดือนมีนาคม แอปพลิเคชั่นดิงทอล์คมียอดผู้ใช้ประจำวันในช่วงวันทำงานทะลุ 155 ล้านคน ดิงทอล์คยังเข้าถึงแวดวงการศึกษา เนื่องจากโรงเรียนต่างๆ ได้นำมาใช้เป็นแพลทฟอร์มสำหรับการเรียนการสอนของครูและนักเรียน โดยในเดือนมีนาคมมีการใช้ดิงทอล์คเพื่อการสอนมากกว่า 1 ล้านครั้งต่อวันในช่วงวันทำงาน
  • ไช่เหนียว โพสต์ - ในเดือนมีนาคม เนื่องจากมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เราได้เห็นการใช้บริการไช่เหนียว โพสต์เพิ่มขึ้นอย่างมากจากผู้บริโภคที่ต้องการบริการส่งของที่สะดวกและไม่ต้องสัมผัสกัน รวมทั้งมีออพชั่นบริการให้เลือกมากมาย

สำหรับข่าวผลประกอบการภาษาอังกฤษฉบับเต็ม เข้าชมได้ที่ https://www.alibabagroup.com/en/news/press_pdf/p200522.pdf

เกี่ยวกับอาลีบาบา กรุ๊ป                                                                                                                                        

พันธกิจของอาลีบาบา กรุ๊ป คือการทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกหนแห่งทั่วโลก บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านการค้าแห่งอนาคต อาลีบาบามีวิสัยทัศน์ที่จะให้ลูกค้าได้พบปะ ทำงานและใช้ชีวิตอย่างสมดุลที่อาลีบาบา และตั้งเป้าเป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการเป็นเวลาอย่างน้อย 102 ปี

ข่าวสารเกี่ยวกับอาลีบาบาเป็นภาษาไทย เข้าชมได้ที่ th.alibabanews.com/