จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ตลาดการเงินและการลงทุนผันผวนอย่างหนัก แต่ทั้งนี้คาดว่าจะเป็นผลกระทบเพียงชั่วคราวเท่านั้น ธนาคารทีเอ็มบีและธนชาต ผู้นำแนวคิด Make REAL Change ชวนนักลงทุนเตรียมความพร้อมสร้างโอกาสในการลงทุนเชิงรุกเพื่อเพิ่มผลตอบแทนในงาน TMB | Thanachart Investment Talk LIVE “เจาะกลยุทธ์การลงทุนในยุค New Normal” โดยคุณศรายุทธ แก้วเกษ เจ้าหน้าที่บริหาร บริหารความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ทีเอ็มบี และวิทยากรรับเชิญ คุณบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์กองทุน TMBAM Eastspring มาร่วมสะท้อนมุมมองสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุน พร้อมแนะนำกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น
โดยมุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ทุกประเทศล้วนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ส่วนใหญ่เติบโตแบบติดลบ ก่อนที่จะขยายตัวช้าๆ ในปีหน้า ทั้งนี้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เนื่องจากประเมินว่ามาตรการทั้งการเงินและการคลังทั่วโลกจะช่วยพยุงและผลักดันเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะปกติได้ในที่สุด ซึ่งไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลก (GDP) จะติดลบประมาณ -3% ขณะที่ประเทศจีนจะมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เร็วโดดเด่นกว่าประเทศอื่น คาดการณ์ว่า GDP ของจีนในปีนี้จะอยู่ที่ 1.2% และในปีหน้าประเมินว่าจะเติบโต 9% ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจปีนี้คาดว่าเติบโตติดลบอยู่ที่เกือบ -6% และปีหน้าคาดว่าจะฟื้นตัวอยู่ที่ 4.7%
ขณะที่สถานการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นยังมีความผันผวน แต่มองว่าตลาดผ่านจุดต่ำสุดไปในไตรมาสที่ 2 ของปี สะท้อนจากดัชนีความผันผวนของตลาดหุ้น (Vix index) ซึ่งดัชนีเริ่มปรับตัวลงจากระดับในช่วงก่อนหน้า จึงถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะทยอยเข้าไปเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและราคาเหมาะสม ส่วนตลาดตราสารหนี้นั้น นักลงทุนเริ่มคลายความตื่นตระหนกชะลอการเทขายลงแต่ยังคงมีความผันผวน และแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำอีกนาน แต่ตราสารหนี้ประเภทพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ที่เป็นอินเวสเมนท์ เกรด ยังเป็นสินทรัพย์น่าลงทุน โดยต้องระมัดระวังเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทขนาดเล็ก
ทั้งนี้ ความปกติในรูปแบบใหม่ หรือ New Normal ยังอยู่กับเราไปอีกระยะ ส่งผลให้คนต้องปรับพฤติกรรมจากออฟไลน์เป็นออนไลน์ เทคโนโลยีจะมีบทบาทมากขึ้น คนดูแลใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ดังนั้น เทรนด์การลงทุนที่น่าสนใจจะเป็นหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นเฮลธ์แคร์ ซึ่งมีความโดดเด่นมาตั้งแต่ต้นปี มีการฟื้นตัวแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นโลก จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาได้รับอิทธิพลจากหุ้นทั้งสองกลุ่มนี้ช่วยประคองดัชนีเอสแอนด์พี 500 ไม่ให้ลงลึกไปมากนัก และอัตรากำไรต่อหุ้นยังเติบโตเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่น อีกทั้งผลประกอบการออกมาเติบโตกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่วนอีกกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนคือ หุ้นจีน เพราะจีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยการลงทุนยังคงมีความผันผวน ธีมการลงทุนต่อจากนี้ควรให้น้ำหนักในตราสารหนี้มากกว่าหุ้น เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน แม้แนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำอีกนาน
ทีเอ็มบีมีความพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการทางการเงินที่คุ้มค่าในที่เดียว ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าลงทุนเชิงรุกในทุกสถานการณ์ เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น โดยทีเอ็มบีได้คัดสรร 3 กองทุนโดดเด่นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในยุค New Normal เหมาะกับนักลงทุนที่มีความสามารถในการรับความเสี่ยง และเน้นการถือลงทุนในระยะยาวเพื่อผลตอบแทนที่ดี ได้แก่
ขณะนี้ตลาดหุ้นเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวบ้างแล้ว เชื่อว่านักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ถือเงินสดไว้ในมือ รอจังหวะกลับเข้ามาสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ทีเอ็มบีจึงได้ออกมาตรการช่วยแบ่งเบาภาระให้นักลงทุน โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนลงทุนแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้า (front ended) หรือสับเปลี่ยน (switching in) ในกองทุนที่ร่วมรายการในระยะเวลาที่กำหนด จึงเป็นโอกาสในการปรับพอร์ต หรือถัวเฉลี่ยต้นทุน และใช้จังหวะนี้ในการปรับมุมมองสู่การลงทุนเชิงรุกแบบสบายกระเป๋า ด้วยความเข้าใจและความระมัดระวัง เพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้างรากฐานชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นต่อไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit