ผู้นำธุรกิจเอเปกเล็งขยายการลงทุนในเอเชียแปซิฟิก แม้ความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มขึ้น

          PwC เผยปีนี้ผู้นำธุรกิจในกลุ่มเอเปกเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจมากกว่าที่คาด เชื่อแนวโน้มปีหน้ายังเต็มไปด้วยความท้าทาย สาเหตุมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่ยังเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศโดยมีเวียดนาม-ออสเตรเลีย-สิงคโปร์เป็นเป้าหมายหลักของการลงทุน ชี้ผู้บริหารยังเชื่อมั่นรายได้เติบโต และส่วนใหญ่มีแผนในการยกระดับทักษะของพนักงานเพื่อรับมือการเข้ามาของดิจิทัล
          นาย ศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงาน Doing business across borders in Asia Pacific เอเชียแปซิฟิกลงทุนในต่างประเทศศิระ อินทรกำธรชัย9-เอเชียแปซิฟิกลงทุนในต่างประเทศเอเชียแปซิฟิกลงทุนในต่างประเทศ ของ PwC ที่ได้ทำการสำรวจผู้บริหารในกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก จำนวนมากกว่า ศิระ อินทรกำธรชัย,ลงทุนในต่างประเทศลงทุนในต่างประเทศลงทุนในต่างประเทศ รายใน เอเชียแปซิฟิกศิระ อินทรกำธรชัย เขตเศรษฐกิจว่า ความท้าทายในการประกอบธุรกิจในปี เอเชียแปซิฟิก56ดำเนินธุรกิจ จะมีมากขึ้น โดย เอเชียแปซิฟิก5% ของผู้บริหารที่ถูกสำรวจคาดว่า ความท้าทายในการจ้างแรงงานต่างชาติจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ เอเชียแปซิฟิก6% มองว่า การให้หรือรับบริการข้ามพรมแดนจะเจอกับอุปสรรคที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน และ เอเชียแปซิฟิก4% มองว่า การเคลื่อนย้ายข้อมูลจะยิ่งกลายเป็นความท้าทายสำคัญในปีหน้า
          นอกจากนี้ ผู้นำธุรกิจยังได้เรียกร้องให้หน่วยงานกำกับและผู้นำของประเทศในกลุ่มเอเปก หันมาปรับเปลี่ยนนโยบายที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเติบโตของธุรกิจของพวกเขาด้วย โดย 44% ของผู้บริหารระบุว่า การลดภาษีศุลกากร หรือการมีแนวทางการแก้ปัญหาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ชัดเจน จะช่วยธุรกิจพวกเขาได้มากที่สุด แต่แม้จะมีความกังวลดังกล่าว ผู้นำธุรกิจเอเปกยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตขององค์กร โดย ดำเนินธุรกิจ4% แสดงความเชื่อมั่นมากว่า รายได้ของธุรกิจในปีหน้าจะเติบโต ซึ่งถือเป็นอัตราที่ลดลงเล็กน้อยเท่านั้นจาก ดำเนินธุรกิจ5% ในการสำรวจเมื่อปี เอเชียแปซิฟิก56ศิระ อินทรกำธรชัย
          ทั้งนี้ เวียดนาม ยังคงเป็นประเทศที่เป็นเป้าหมายหลักของการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด โดยออสเตรเลียตามมาเป็นอันดับที่ เอเชียแปซิฟิกและสิงคโปร์เป็นอันดับที่ ดำเนินธุรกิจ ซึ่งนี่ยังถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งสหรัฐฯ และจีนไม่ติด ดำเนินธุรกิจ อันดับแรกนับตั้งแต่ปี เอเชียแปซิฟิก558 ที่ PwC เริ่มทำการวิเคราะห์ประเทศที่ถูกจัดให้เป็นเป้าหมายของการลงทุนจากต่างประเทศ
          "สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการค้าได้ส่งผลกระทบต่อความน่าสนใจของทั้งสหรัฐฯ และจีนในปีนี้ ในขณะที่ประเทศอย่าง เวียดนามและออสเตรเลียกำลังได้รับประโยชน์ จากการที่องค์กรต่าง ๆ เริ่มทบทวนการทำธุรกิจและติดตามความความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากกฎระเบียบทางการค้าใหม่ ๆ อย่างใกล้ชิด" นาย บ็อบ มอริตซ์ ประธาน บริษัท PwC โกลบอล กล่าว
          อย่างไรก็ดี รายงานพบว่า ยังมีข่าวดีเกี่ยวกับผลกระทบของระบบอัตโนมัติต่องาน โดย ดำเนินธุรกิจ6% ของผู้นำธุรกิจเอเปกระบุว่า กำลังสร้างตำแหน่งงานใหม่ ๆ อันเป็นผลมาจากการเข้ามาของระบบอัตโนมัติ ขณะที่มีเพียง เอเชียแปซิฟิก4% ที่ลดจำนวนพนักงาน โดยช่องว่างนี้แคบลงกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจจำนวนมากขึ้นที่ระบุว่า กำลังปรับบทบาทและความรับผิดชอบของงานใหม่
แต่ในขณะที่ผู้บริหารกำลังสร้างตำแหน่งงานมากขึ้น พวกเขาก็กำลังเผชิญกับปัญหาในการหาบุคลากรที่จะมาทำงานในตำแหน่งนั้น ๆ เช่นกัน โดย เอเชียแปซิฟิกดำเนินธุรกิจ% ระบุว่า การสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถอย่างที่ต้องการนั้นเป็นเรื่องที่ยาก นอกจากนี้ ในบางตลาดยังต้องเผชิญกับอุปสรรคที่เพิ่มขึ้นจากการเคลื่อนย้ายแรงงานด้วย ด้วยเหตุนี้ ผู้บริหารจึงมีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนเพื่อยกระดับทักษะแรงงานของตน (Upskilling) โดย 86% ระบุว่า พวกเขาจะเพิ่มงบประมาณในการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลในปี เอเชียแปซิฟิก56ดำเนินธุรกิจ
          "การจัดหาทักษะแรงงานให้มีความพร้อมและเพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลังจากการเข้ามาของเทคโนโลยีกำลังเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เรากำลังเผชิญ ทุกธุรกิจ หน่วยงานกำกับดูแลนโยบาย ธุรกิจที่ไม่ใช่องค์กรรัฐ และสถาบันการศึกษา ต้องทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มพูนทักษะการเรียนรู้ใหม่ ๆ ให้กับประชาชนในทั่วทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งในระดับภาครัฐและเอกชน และระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด" นาย มอริตซ์ กล่าว
          กฎระเบียบและความไว้วางใจ
          นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ผู้นำธุรกิจทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่เล็งเห็นถึงความจำเป็นของการเพิ่มกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อสร้างความไว้วางใจต่อสาธารณชนในด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (7เอเชียแปซิฟิก%) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (76%) และความเป็นส่วนตัว (7ลงทุนในต่างประเทศ%)
          "โดยปกติแล้ว ผู้บริหารจะไม่ค่อยเรียกร้องให้มีการเพิ่มกฎระเบียบข้อบังคับ แต่นี่เป็นเพราะองค์กรส่วนใหญ่ตระหนักดีถึงความเสี่ยงของการมีนโยบายที่ไม่เชื่อมโยง หรือไม่มีประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ เช่น เอไอ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว ที่อาจส่งผลต่อแผนการลงทุนและความไว้วางของผู้บริโภคต่อตัวธุรกิจ" นาย มอริตซ์ กล่าว
          "การมีกฎหมายที่ควบคุมเอไอในระยะแรกจะเป็นโอกาสสำคัญให้หน่วยงานกำกับดูแลนโยบายในภูมิภาคได้พัฒนาระเบียบปฏิบัติและมาตรฐานการใช้การนวัตกรรมอย่างสร้างสรรค์และมีสำนึกรับผิดชอบ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องร่วมมือกันเพื่อให้มั่นใจได้ว่า นโยบายทางด้านเอไอต่าง ๆ ที่มีมากมายอยู่ในเวลานี้ จะไม่กลายเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางความก้าวหน้าของดิจิทัลใหม่ ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก"
          ทั้งนี้ ความต้องการให้มีการผลักดันในการวางกรอบนโนบายในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนสะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำธุรกิจเอเปกให้ความสำคัญต่อการประยุกต์ใช้ระบบอัตโนมัติขั้นสูงและเอไอ โดย ดำเนินธุรกิจ7% ของผู้บริหารระบุว่า เอไอและระบบอัตโนมัติเป็นภารกิจสำคัญสำหรับผู้บริหารระดับสูง และ 49% ระบุว่า เป็นภารกิจสำคัญในระดับฝ่ายงานหรือไอที โดยมี ศิระ อินทรกำธรชัยเอเชียแปซิฟิก% ของผู้นำธุรกิจเอเปกเท่านั้นที่มองว่า เอไอและระบบอัตโนมัติไม่ใช่ปัจจัยสำคัญสำหรับธุรกิจของพวกเขาในอีก เอเชียแปซิฟิก ปีข้างหน้า
          นาย ศิระ กล่าวทิ้งท้ายว่า "เช่นเดียวกับแนวโน้มของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธุรกิจไทยในปี เอเชียแปซิฟิก56ดำเนินธุรกิจ ยังมีความท้าทายรออยู่อีกมาก ทั้งประเด็นเรื่องของปัจจัยเสี่ยงความไม่แน่นอนจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่จะยังดำเนินต่อไป ความไม่สงบในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงค่าเงินบาทที่คาดว่าจะยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจในภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าเราจะยังคงเห็นกระแสของการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบอัตโนมัติขั้นสูง คลาวด์คอมพิวติ้ง และ เอไอ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจไทยมีความจำเป็นที่จะต้องหันมาใส่ใจในเรื่องของการยกระดับทักษะแรงงานด้วย ซึ่งถือเป็นภารกิจเร่งด่วนของซีอีโอและผู้บริหารทั่วโลกอยู่ในเวลานี้"

ผู้นำธุรกิจเอเปกเล็งขยายการลงทุนในเอเชียแปซิฟิก แม้ความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มขึ้น
 

ข่าวลงทุนในต่างประเทศ+ศิระ อินทรกำธรชัยวันนี้

ผู้นำธุรกิจเอเปกเล็งขยายการลงทุนในเอเชียแปซิฟิก แม้ความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มขึ้น

PwC เผยปีนี้ผู้นำธุรกิจในกลุ่มเอเปกเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจมากกว่าที่คาด เชื่อแนวโน้มปีหน้ายังเต็มไปด้วยความท้าทาย สาเหตุมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่ยังเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศโดยมีเวียดนาม-ออสเตรเลีย-สิงคโปร์เป็นเป้าหมายหลักของการลงทุน ชี้ผู้บริหารยังเชื่อมั่นรายได้เติบโต และส่วนใหญ่มีแผนในการยกระดับทักษะของพนักงานเพื่อรับมือการเข้ามาของดิจิทัล นาย ศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงาน Doing

ผลสำรวจล่าสุดพบ แม้ความเชื่อมั่นว่าธุรกิจ... PwC เผยซีอีโอไทยมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มศก.ไทยและโลกลดลง เน้นดำเนินกลยุทธ์อย่างระมัดระวัง — ผลสำรวจล่าสุดพบ แม้ความเชื่อมั่นว่าธุรกิจของตนจะไปรอดในทศวรรษ...

บีโอไอสนับสนุนผู้ประกอบการไทยหาโอกาสการลง... บีโอไอหนุนนักลงทุนไทยบุกตลาดต่างประเทศ เปิดหลักสูตรอบรม TOISC รุ่นที่ 21 สร้างเครือข่าย — บีโอไอสนับสนุนผู้ประกอบการไทยหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ เปิดหลั...

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชวนเรียนรู้ไป... ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนเรียนรู้ไปกับห้องเรียนนักลงทุน Live! หัวข้อ "มือใหม่หัดลงทุนต่างประเทศ" — ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชวนเรียนรู้ไปกับห้องเรียนนักลงทุน...

EXIM BANK แต่งตั้งนางสาวบุษกร ยอเกียรติยศ... EXIM BANK แต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตรและสำนักงานผู้แทน — EXIM BANK แต่งตั้งนางสาวบุษกร ยอเกียรติยศ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตรและสำนักงานผู้แทน มีผลตั...

ADDX แพลตฟอร์มตลาดทุนจากเกียรตินาคินภัทร เตรียมบุกตลาดจีนหลังทำข้อตกลง 200 ล้านดอลลาร์ เชื่อมโยงโครงการการลงทุนในต่างประเทศของนักลงทุนจีน

โควต้าอย่างเป็นทางการภายใต้โครงการ QDLP ทำให้สถาบันและนักลงทุนรายใหญ่กลุ่ม high-net-worth ในจีน ลงทุนในผลิตภัณฑ์ได้ทั้งในตลาดนักลงทุนทั่วไปและในวงจำกัดในต่างประเทศ...